มทภ.4″แม่ทัพไพศาล” มอบถุงยังชีพทั่วถึง-ชาวบ้านและกำลังพลแม่ทัพภาคที่ 4 เยี่ยมให้กำลังใจ-มอบถุงยังชีพแก่ผู้ประสบอุทกภัยทั้งชาวบ้านและกำลังพลในค่ายปิเหล็ง เจาะไอร้อง
วันนี้ (1 ธ.ค. 67) พล.ท.ไพศาล หนูสังข์ มทภ.4/ผอ.รมน.ภาค 4 ลงพื้นที่ สหกรณ์นิคมปิเหล็ง และวัดปิเหล็ง สถานที่อพยพชั่วคราวของผู้ประสบอุทกภัย ต.มะรือโบออก อ.เจาะไอร้อง ซึ่งระดับน้ำลดลงกว่า 3-4 วันก่อน แต่ในศูนย์อพยพชั่วคราวนิคมปิเหล็งยังคงมีพี่น้องประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 100 คน เนื่องจากถนนภายในหมู่บ้านถูกตัดขาด มีเพียงเรือท้องแบนและเรือยางของหน่วยงานเท่านั้น ที่จะคอยส่งเสบียงอาหาร น้ำดื่มให้กับผู้ที่ยังติดค้างอยู่ด้านใน
บรรยากาศภายในศูนย์อพยพชั่วคราว ได้มีหน่วยงานต่างๆ เข้าให้การช่วยเหลือ หน่วยทหารในพื้นที่ได้จัดรถครัวสนามพร้อมกำลังพลร่วมกับผู้นำท้องที่ ท้องถิ่น ประกอบอาหารปรุงสุก จัดหาเครื่องดื่ม พร้อมอำนวยความสะดวกในด้านที่พักอาศัยชั่วคราวให้กับประชาชน ซึ่งวันนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ได้มอบถุงยังชีพให้กับครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบ และยังคงอาศัยอยู่ภายในชุมชนอีกจำนวนหนึ่งด้วย ปัญหาที่พบคือ เด็กและคนชรา เริ่มมีอาการป่วยไข้ และขาดข้าวของเครื่องใช้จำเป็นบางรายการ จึงได้เร่งสั่งการหน่วยทำการจัดหาสิ่งของจำเป็น พร้อมแพทย์สนามมาให้บริการกับผู้อพยพในศูนย์พักพิงดังกล่าวแล้ว
นอกจากพี่น้องประชาชนจะได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้ กำลังพลเจ้าหน้าที่ทหารในหน่วยต่างๆ ก็ประสบกับภัยพิบัติเช่นกัน ค่ายกรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ (ค่ายปิเหล็ง) เป็นอีกหนึ่งค่ายทหารในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เป็นที่ตั้งของกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 151 และกรมทหารพรานที่ 48 ก็ได้รับผลกระทบเช่นกัน กำลังพลและครอบครัวหลายร้อยครัวเรือน ต้องรับมือกับมวลน้ำที่ไหลทะลักเข้ามาท่วมบ้านพักอาศัยและอาคารสำนักงาน แต่ทั้งนี้กำลังพลยังคงต้องออกไปปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ก่อนกลับมาปัดกวาดบ้านตัวเอง “เพราะทุกข์ของประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง” รอไม่ได้ 
“พล.ท.ไพศาล หนูสังข์” พร้อมคณะ ลงพื้นที่ให้กำลังใจพร้อมมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็น บรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับผู้ใต้บังคับบัญชา ให้มีขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติภารกิจรับมือกับภัยพิบัติที่เกิดขึ้น จนกว่าสถานการณ์ต่างๆจะคลี่คลายลง ซึ่งหลังจากน้ำลดระดับลง จำเป็นจะต้องใช้กำลังทหาร เครื่องมือ ยุทโธปกรณ์ต่างๆในการเข้าฟื้นฟู ซ่อมสร้างบ้านเรือนที่ได้รับความเสียหาย **ข้อมูลสถานการณ์ในพื้นที่ จ.นราธิวาส ภาพรวมได้รับผลกระทบทั้ง 13 อำเภอ 77 ตำบล 591 หมู่บ้าน 94,478 ครัวเรือน 332,682 คน บาดเจ็บ 1 ราย, เสียชีวิต 2 ราย คือ เด็กหญิงอายุ 12 ปี และผู้สูงอายุชาย อายุ 82 ปี, บ้านเรือน วัด มัสยิด โรงเรียน ส่วนราชการ ถนน พื้นที่ทางการเกษตร สวน ไร่นา สัตว์เลี้ยงทางการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก
โดยกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จ.นราธิวาส ยังเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์ทั้ง 3 ลุ่มน้ำดังกล่าวอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง “ทุกข์ของประชาชนมาเป็นอันดับหนึ่ง”
