มหาสารคาม – สารภาพแล้ว เด็ก 15 อารมณ์ชั่ววูบวางยาพิษในกระติกน้ำหวังทำร้ายแม่ ทำน้องสาวต่างพ่อดับ เหตุน้อยใจถูกทิ้งในวัยเด็ก
จากกรณีที่บ้านเลขที่ 168 หมู่ 10 บ้านหนองตูบ ต.หนองโก อ.บรบือ จ.มหาสารคาม มีเด็กหญิงวัย 4 ปี เสียชีวิต จากการดื่มน้ำที่ผสมยาพิษไม่ทราบชนิด ซึ่งในเหตุการณ์นี้มีผู้ที่ดื่มน้ำผสมยาพิษรวมทั้งหมด 4 คน ประกอบด้วย นางสาวนุจรี ศรีสัง อายุ 32 ปี ด.ญ.กมลวรรณ พลจ่า หรือน้องยิ่ง อายุ 7 ปี ด.ญ.ธนวรรณ พลจ่า น้องเรไร อายุ 3 ปี และ ด.ญ.สุภัสสรา ดาหอม หรือน้องกระเพรา อายุ 4 ปี (เสียชีวิต)
โดยที่บ้านหลังดังกล่าวได้ตั้งศพของ ด.ญ.สุภัสสรา ดาหอม หรือน้องกระเพรา อายุ 4 ปี ซึ่งเสียชีวิตจากการดื่มน้ำผสมสารพิษเข้าไปในร่างกาย ซึ่งจากการสอบถาม นางสาวนุจรี ศรีสัง แม่ของน้องกระเพรา อายุ32 ปี ทราบว่า ในวันเกิดเหตุ เป็นช่วงเวลาประมาณ 4 โมงเย็นของวันที่ 22 มิถุนายน 2561 ที่ผ่านมา ตนเอง ลูกชาย ลูกสาว และหลานสาววัย อีก 2 คน รวม 5 คน ได้นั่งล้อมวงกินส้มตำป่า ซึ่งตนได้ให้เงินหลานสาวไปจำนวน 40 บาท ไปซื้อส้มตำป่า และขนมมารับประทานร่วมกัน โดยได้นั่งกินกันที่ใต้ถุนบ้านอีกหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านงานศพประมาณ 200 เมตร
ขณะกำลังรับประทานส้มตำป่า ซึ่งรสชาติเผ็ด เด็ก ๆ ก็ดื่มน้ำ ในกระติกที่ใช้ประจำทุกวัน รวมถึงตนเอง ซึ่งก็สลับกันดื่มน้ำคนละอึกสองอึก แต่น้องกระเพราดื่มน้ำไปถึง 3 แก้ว แต่ว่าลูกชายไม่ได้ดื่มน้ำด้วย หลังจากรับประทานส้มตำป่าเสร็จเรียบร้อย ก็ช่วยกันเก็บกวาด ช่วงระยะเวลาเพียงไม่นาน น้องยิ่งหลานสาววัย 7 ขวบ ก็มีอาการคนแรก จากนั้นก็มาเป็นน้องกระเพรา ลูกสาวของตน น้องเรไร และตนเอง ซึ่งทั้งหมด มีอาการแขนขาอ่อนแรง เด็ก ๆ ชักเกร็งตาค้าง น้ำลายฟูมปาก ส่วนตนเองก็แขนขาอ่อนแรง พยายามรวบรวมกำลังทั้งหมดที่มี เรียกให้เพื่อนบ้านมาช่วยเหลือ จนเพื่อนบ้านได้ยิน จึงได้พากันมาช่วย และโทรแจ้งหน่วยกู้ชีพกู้ภัย 1669 มาช่วยนำตัวทั้งหมดส่งโรงพยาบาลบรบือ ต่อมาทางโรงพยาบาลบรบือ ได้ส่งตัวน้องกระเพรา ไปรักษาที่โรงพยาบาลมหาสารคาม แต่น้องก็เสียชีวิตลง ญาติจึงได้รับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลที่บ้าน ส่วนตนเองแพทย์ให้พักรักษาตัวที่โรงพยาบาลบรบือ และอนุญาตให้กลับบ้านได้เมื่อบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ส่วนหลานอีก 2 คน คือ น้องยิ่ง อายุ 7 ปี ยังคงต้องอยู่ในความดูแลของแพทย์ ส่วนน้องเรไร อาการปลอดภัยแล้ว
ซึ่งหลังจากเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบและได้นำน้ำในถังที่คาดว่าจะปนเปื้อนสารพิษ ไปตรวจสอบ โดยตนยังไม่ทราบว่าเป็นสารพิษอะไร ซึ่งหมอบอกแต่เพียงว่าเป็นสารพิษชนิดร้ายแรง ที่ผ่านมาตนเองไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ ตนเองได้ย้ายไปอยู่กับสามีที่ อ.นายูง จ.อุดรธานี ส่วนน้องกระเพรากำลังเรียนชั้นอนุบาล 1 ที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านนาตูม หมู่ 5 ต.บ้านก้อง อ.นายูง จ.อุดรธานี ซึ่งช่วงนี้ได้กลับมาเยี่ยมพ่อ ที่กำลังป่วย ต้องนอนโรงพยาบาล ไม่คิดไม่ฝันว่าจะมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น ตอนนี้ก็มืดแปดด้าน เพราะไม่ทราบว่าน้ำปนเปื้อนสารพิษได้อย่างไร ที่ผ่านมา บ้านหลังนี้จะมีพ่อแม่ น้องสาว และหลาน รวม 6 คนอาศัยอยู่ ปกติแล้วน้องสาวก็ไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใคร ตกเย็นก็ปิดบ้านเข้านอน ซึ่งหากตนไม่เจอเหตุการณ์นี้ คนที่โดนก็อาจจะเป็นพ่อแม่น้องสาว และหลาน ๆ ก็เป็นได้
ต่อมาเมื่อเช้าสายวันนี้ (26-06-61) ร.ต.อ.มงคล หาคลัง ร้อยเวรฯสอบสวน สภ.บรบือ กล่าวว่า จากกรณีดังกล่าว จนท.ตำรวจชุดสืบสวนได้วางแนวทางการสืบสวนไว้หลายประเด็นทั้งปมขัดแย้งกันภายในครอบครัวและขัดแย้งกับบุคลอื่น โดยเรียกสอบพยานไปแล้ว 3 ปาก รวมไปถึง นางสาวนุชจรี ศรีสัง แม่ของน้องกระเพรา ซึ่งจากการสอบสวนนางนุชจรี พบว่าไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับใครมาก่อน อีกทั้งระยะหลังได้ย้ายไปอาศัยอยู่จังหวัดอุดรธานี นาน ๆ จะกลับมาบ้านเกิด จากการสอบสวนนานกว่า 3 ชั่วโมงไม่พบข้อพิรุธ ต่อตำรวจมาจึงได้สอบนางสาว พ. อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนุชจรีอีกคนซึ่งมีศักดิ์เป็นพี่สาวต่างพ่อของน้องกะเพราที่เสียชีวิตซึ่งมีท่าทีพิรุธ ตำรวจได้เค้นสอบเป็นเวลานานหลายชั่วโมง นางสาว พ.จึงยอมรับสารภาพว่าเป็นผู้ก่อเหตุ วางยาพิษใส่น้ำในกระติกจริง โดยเอาย่าฆ่าแมลงที่อยู่ภายในบ้านมาผสมน้ำ แล้วเทลงไปในกระติกน้ำ ระกว่างที่ไม่มีใครอยู่บ้านหวังทำร้ายแม่ แต่ไม่คิดว่าจะรุนแรงถึงแก่ชีวิต ส่วนมูลเหตุมาจากความน้อยใจที่แม่ไม่ดูแลทิ้งตนไปอยู่กับครอบครัวใหม่ ประกอบกับล่าสุดมีปากเสียงกันกับแม่อีกครั้งเรื่องถูกกีดกันให้เลิกคบกับเพื่อนชายคนสนิท จึงเก็บความน้อยเนื้อต่ำใจมาก่อเหตุ ในวันที่แม่กลับมายี่ยมตาที่ป่วยหนัก
จากนั้น จนท.ตำรวจจึงได้พา นส. พ. นามสมมุติ มาที่สถานีตำรวจภูธรอำเภอบรบือ เพื่อพบเจ้าหน้าที่สอบสวน แต่เนื่องจากผู้ก่อเหตุเป็นเยาวชน จนท.ตำรวจจึงได้ประสานกับอัยการและทีมสหวิชาชีพ ทำการสอบปากคำตามขั้นตอน และคาดว่าในวันพรุ่งนี้จะมีการทำแผนและแถลงข่าวอย่างเป็นทางการต่อไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:
ข่าวน่าสนใจ: