มหาสารคาม – ตามล่า…ผัวหึงโหดทุบหัวฆ่าปาดคอเมีย ดับอนาถ ญาติคาดเพราะความหึงหวง
วันนี้ ( 18 มิถุนายน 63) ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งจาก พ.ต.ท.สุประวีณ์ ปุริสา พนักงานสอบสวน สภ.วาปีปทุม ว่ามีเหตุฆ่ากันตาย ที่ถนนสาธารณะระหว่างบ้านโนนทัน-บ้านหนองคู เขตบ้านโนนทัน หมู่ 12 ต.งัวบา อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบ พร้อมด้วยชมรมกู้ภัยวาปีปทุม แพทย์เวรโรงพยาบาลวาปีปทุม ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุ
เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุพบศพ หญิงสาว ทราบชื่อต่อมา คือ นางสาวบัวบาล บุญโจม อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 5 ต.งัวบา อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม นอนเสียชีวิต สภาพศพ มีบาดแผลถูกของมีคมฟันเข้าบริเวณซอกคอ เลือดนองเต็มพื้น ถัดไปประมาณ 1.5 เมตรพบรถจักรยานยนต์ฮอนด้า เวฟไอ สีขาวดำ หมายเลขทะเบียน 9 กช 3991 กทม. ของผู้ตายล้มอยู่
ข่าวน่าสนใจ:
- พรรคประชาชนเปิดตัว นายแพทย์จิรชาติ เรื่องวัชรินทร์ หรือ หมอมุดสัง ชิง นายก อบจ.สุราษฎร์ ฯ สมัครจันทร์นี้
- นครพนม น้องขวัญ นำทัพกลุ่มนครพนมร่วมใจ เปิดตัว ส.อบจ.นครพนม ทั้ง 30 เขต
- หนุ่มวัย 31 ขับ AEROX 155 ข้ามถนนถูกตู้ชนร่างกายกระแทกกระบะจอดรอกลับรถดับ
- นายกฯ "อิ๊ง" เปิดงานออนซอนกลองยาวชาววาปี สานตำนานเมืองวาปีปทุม 142 ปี
จากการตรวจสอบบริเวณใกล้เคียงพบท่อนไม้ ขนาดความยาวประมาณ 70 เซนติเมตร คาดว่าคนร้ายจะใช้ตีศีรษะผู้ตาย พบกระเป๋าอยู่ในป่า คาดว่าจะเป็นของคนร้าย และยังพบว่าต้นไม้มีร่องรอยถูกเลื่อยไม้ออกไปเป็นอาวุธ เจ้าหน้าที่จึงได้รวบรวมหลักฐานทั้งหมดไว้เป็นของกลางของคดี โดยศพของผู้ตายได้นำส่งไปชันสูตรที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น ส่วนผู้ก่อเหตุคาดว่าจะเป็นสามีใหม่ของผู้ตาย ชื่อนายล้าน มณีรุ่ง อายุ 56 ปี ที่เพิ่งอยู่กินกันได้ประมาณ 1 ปี โดยก่อนหน้านี้ 3-4 วันมีเรื่องทะเลาะวิวาทจนถึงขั้นแยกทางกัน ซึ่งหลังเกิดเหตุนายล้านได้หลบหนีไป โดยเจ้าหน้าที่จะได้ติดตามตัวมาดำเนินคดีต่อไป
จากนั้นเวลา 17.00 น. ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่ที่บ้านเลขที่ 57 หมู่ 5 บ้านหนองแวงต้อน อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม ซึ่งเป็นบ้านของนางบัวบาน บุญโจม อายุ35ปี ผู้เสียชีวิต โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า มีเพื่อนบ้านเดินทางมาให้กำลังใจ นางบับพา อันทะฤทธิ์ อายุ 65 ปี แม่ของผู้เสียชีวิต
โดยนางบับพา อันทะฤทธิ์ อายุ 65 ปี แม่ของผู้ตาย เล่าว่า ลูกสาวเคยแต่งานมาก่อนแต่ได้เลิกรากับสามีเก่าไปแล้วกว่า 10 ปี มีลูกติด 3 คน คนโต อายุ 15 ปี คนกลางอายุ 12 ปี และคนเล็กอายุ 9 ปี ทั้งหมดเรียนอยู่โรงเรียนในชุมชน โดยลูกสาวมีอาชีพรับจ้างทั่วไปและหารายได้หลักด้วยการงมหอยในบ่อน้ำภายในชุมชนและบริเวณใกล้ ๆ ไปขาย ส่วนนายล้านสามีก็ทำงานก่อสร้างกับลูกชายตน เมื่อช่วงเช้าตนและลูกสาวไปทำนา และไปงมหอยขายที่อ่างเก็บน้ำที่ยู่ใกล้ ๆ นา โดยแม่กำลังแยกข้าวที่แหว่งไปปักดำให้เต็มนา ทางอีสานเรียกว่า ซ่อมข้าว ส่วนลูกสาวบอกว่าจะกลับมาที่บ้าน เพื่อเอาหอยไปส่งให้ลูกค้า ตนก็เอะใจว่าทำไมลูกสาวไปนานผิดปกติ ไม่นานก็มีคนในหมู่บ้านมาบอกว่าลูกสาวถูกฆ่าตาย ก็ล้มลงอยู่กับที่ ร้องไห้ฟูมฟาย ลูกตนเป็นคนขยันทำมาหากิน หาเงินมาเลี้ยงแม่เลี้ยงลูก มีแต่ลูกคนนี้ที่อยู่ดูแลแม่ ตนมีลูก 5 คน เสียชีวิตไป 2 คน ตอนนี้ลูกก็มาตายหนีจากไปอีกคน ซึ่งฐานะทางบ้านก็ยากจนไม่มีอะไรสักอย่าง หาหอยขายได้วันละ 100-300 บาท พอมีค่ากับข้าวกินไปวัน ๆ ส่วนนายล้านเพิ่งจะมาคบหาลูกสาวได้ประมาณ 1 ปี แต่มีเรื่องทะเลาะกันบ่อย สาเหตุเพราะหึงหวง ไม่อยากให้ออกไปนอกบ้าน ไม่อยากให้คุยกับใคร ระแวงไปหมด จนระยะหลังลูกมาบอกว่าจะเลิก เลิกก็เลิก แม่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทำไมต้องมาฆ่าลูกสาวของตนด้วย จากนี้ต้องเลี้ยงหลานอีก 3 คน ก็คงต้องเลี้ยงตามมีตามเกิด
ด้านนายจักรวาล บุญโจม อายุ 38 ปี พี่ชายของผู้ตาย เล่าว่า เปิดเผยว่า น้องสาวของตนหลังจากเลิกรากับสามีเก่าได้กว่า 10 ปี ก็เพิ่งมาคบกับนายล้านได้เมื่อประมาณ ปีที่แล้วโดยที่ได้เคยร่วมงานกับนายล้านแล้วจึงแนะนำให้น้องสาวได้รู้จักและคบหากัน และได้เข้ามาอยู่กินที่บ้านแม่ของตนด้วยกัน ทั้งนี้จากนิสัยปกตินายล้านตนคิดว่าเป็นคนดี ไม่กินเหล้า แต่สูบบุหรี่ เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร ที่ผ่านมาก็อยู่กินกับน้องสาวตนดี มีเพียงเรื่องหึงหวงกันเท่านั้น ที่เคยทำให้ทั้งคู่มีปากเสียงกัน ส่วนวันนี้ตนเจอนายล้านตอนช่วงเช้าประมาณ 09.00 น. ขณะนั้นตนแวะไปดูข้าวที่ทุ่งนาที่อยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ ตนไม่ได้เอะใจว่าจะมาก่อเหตุ แต่เห็นสะพายกระเป๋าอยู่ ไม่รู้มาก่อนว่านายล้านกับผู้ตายได้เลิกกัน ก่อนที่นายล้านจะก่อเหตุขึ้น ซึ่งคาดว่านายล้านน่าจะไปขอคืนดีกับน้องสาวตนแต่ไม่สำเร็จจึงเกินเหตุสลดในครั้งนี้
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังระดมทีมไล่ล่านายล้าน โดยกระจายกำลังไปตามทุ่งนาที่มีคนเคยเห็นนายล้านครั้งล่าสุด ซึ่งคาดว่ากำลังหลบหนีอยู่ในพื้นที่ด้วยการเดินเท้าเข้าป่าชุมชนใกล้ ๆ
ขอบคุณภาพ : ชมรมกู้ภัยวาปีปทุม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: