ผัวติดเหล้าหนัก เมียหวังดีอยากช่วยให้เลิกเหล้า ต้มมะเขือบ้าให้กิน หามส่งโรงพยาบาลให้วุ่น ขณะที่โรงพยาบาลแจ้งเตือนถึงตาย
วันที่ 27 สิงหาคม 67เวลา 12.00 น ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ที่บ้านหนองข่า ต.ท่าตูม อ.เมือง จ.มหาสารคาม ภายหลังจากทราบว่ามีผู้ป่วยดื่มน้ำต้มมะเขือบ้าเข้าไป มีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย พูดจาสับสน ไม่รู้เรื่อง ก่อนที่ทางญาติจะโทรแจ้ง 1669 ให้นำตัวส่งโรงพยาบาลมหาสารคาม รักษาตัวอย่างเร่งด่วน
จากการสอบถาม นางบุญล้อม หัสจรรย์ อายุ 52 ปี น้องเมียของผู้ป่วย เล่าว่า ผู้ป่วย คือ นายทองแดง สีพลลา อายุ 62 ปี เป็นพี่เขยของตน โดยภรรยาของนายทองแดง คือ นางราตรี สีพลลา อายุ 52 ปี ได้นำลูกมะเขือบ้า มาต้มใส่หม้อ เพื่อให้สามีกินต่างน้ำ ด้วยความหวังดี หวังว่าจะให้นายทองแดง เลิกเหล้า เพราะนายทองแดงติดเหล้ามานานแล้ว จึงอยากให้เลิก เมื่อลองปรึกษาเพื่อนบ้านจึงได้รับคำแนะนำว่า หากอยากให้สามีเลิกเหล้าให้หาลูกมะเขือบ้ามาต้มกินดู ซึ่งตอนเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์
แต่เวลาต่อมา นางราตรี คนเป็นภรรยา ซึ่งมีอาการป่วยโรคหลอดเลือดสมอง เล่าให้ตนฟังว่า มีเด็กในหมู่บ้านได้ไปเก็บมะเขือบ้ามาจากหมู่บ้านดอนไฮ ซึ่งเป็นหมู่บ้านติดกัน แล้วมาบอกว่าถ้าอยากให้ผัวเลิกเหล้า ให้ต้มมะเขือบ้ากินต่างน้ำ ด้วยความหวังดีอยากให้ผัวเลิกเหล้า เมียก็เลยต้มให้ผัวกิน โดยเริ่มกินเมื่อวานนี้ช่วง เก้าโมง มามีอาการตอนช่วงบ่ายโมงกว่า ๆ มีอาการปากแข็ง พูดจาไม่รู้เรื่อง มือแข็ง ตัวแข็ง ก็เลยโทรเรียก 1669 มารับตัวไป ทางแพทย์ก็โทรมาถามเหตุการณ์ว่าไปกินอะไรมา ก็เลยว่ากินมะเขือบ้ามา หมอก็เลยให้เด็ดลูกเข้าไปด้วย พอรู้ว่าเป็นพิษก็ตกใจ แต่ตอนนี้อาการของพี่เขยก็ดีขึ้นแล้ว หมอบอกว่าช่วงบ่ายนี้ก็จะให้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว อยากฝากบอกว่าลูกมะเขือบ้า ไม่ใช่ของกิน ไม่ต้องไปหามาต้มกิน ถ้าอยากจะเลิกเหล้า ก็ต้องเลิกเอง ของพวกนี้มันทำให้เลิกเหล้าไม่ได้ มีแต่จะตาย
ด้านนางสาวสุนิสา ด้วงคำจันทร์ อาสาสมัครฉุกเฉินการแพทย์ อบต.ท่าตูม กล่าวว่า เมื่อวานนี้ช่วงบ่ายได้รับแจ้งจากศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 มหาสารคาม ให้ออกรับผู้ป่วยมีอาการเหนื่อย อ่อนเพลีย เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบว่า ผู้ป่วยมีอาการสับสนมึนงง เหมือนคนเมา ถามตอบพูดจาไม่รู้เรื่อง มือเท้าเกร็ง ผู้ป่วยผุดลุกผุดนั่ง เหมือนไม่รู้ตัว ขอบตาแดง ตัวแดง มีลักษณะคล้ายกับคนมีอาการสโตรก โดยได้ทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนที่รีบนำตัวออกมาเปลี่ยนถ่ายกับ ทีม Advance บริเวณปากทางบ้านเอียด ต.เขวา เพื่อนำตัวส่งโรงพยาบาลมหาสารคามต่อไป
ต่อมาทราบจากญาติผู้ป่วยว่า ผู้ป่วยได้ดื่มน้ำมะเขือบ้ามาแล้ว 2 วันตั้งแต่วันที่ 25 และมามีอาการวันที่ 26 สิงหาคม โดยญาติได้ต้มน้ำให้กิน 1 หม้อ แต่ไม่ทราบว่าใส่ไปกี่ลูก เพื่อที่จะให้เลิกเหล้า
ซึ่งลูกมะเขือบ้า จะมีลักษณะคล้ายกับลูกมะเขือเปราะ แต่จะมีตุ่มหนามแต่ไม่คมทั้งผล ซึ่งต้นของเค้าก็คือ ต้นลำโพง เป็นต้นไม้ที่ออกดอกสวยงามคล้ายกับลำโพง ก่อนที่ดอกจะร่วงและออกเป็นผล มีลักษณะคล้ายลูกมะเขือที่มีหนาม ซึ่งเป็นพืชที่มีพิษ
ขณะที่เพจ กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาสารคาม ได้โพสต์ข้อความว่า ระวัง! พิษร้ายจากลูกลำโพงกาสลัก (มะเขือบ้า) ลูกลำโพงกาสลัก หรือ มะเขือบ้า (Datura metel) เป็นพืชที่มีพิษสูงในกลุ่ม Anticholinergic สารพิษหลักได้แก่ Atropine, Scopolamine, และ Hyoscyamine ซึ่งสามารถก่อให้เกิดอันตรายต่อระบบประสาทและหัวใจอย่างรุนแรง อาการพิษที่พบได้ คือ ปากแห้ง คอแห้ง ม่านตาขยาย สู้แสงไม่ได้ หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ กระสับกระส่าย สับสน หรือเกิดอาการประสาทหลอน ในกรณีรุนแรงอาจชักหรือหมดสติ
การรักษาเบื้องต้น 1. ห้ามทำให้อาเจียน เพราะอาจเสี่ยงต่อการสูดสำลักสารพิษ 2. พาผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที 3. หากหมดสติและไม่หายใจ ให้ทำ CPR โดยเร็ว 4. ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเจือจางสารพิษ (หากยังมีสติ) ลูกลำโพงกาสลัก (มะเขือบ้า) มีพิษร้ายแรง ห้ามรับประทาน และควรป้องกันเด็กหรือสัตว์เลี้ยงไม่ให้เข้าใกล้ หากได้รับพิษ รีบส่งโรงพยาบาลทันที* ในกรณีฉุกเฉิน โทร 1669 เพื่อขอความช่วยเหลือทันที ปกป้องชีวิตด้วยความรู้ที่ถูกต้อง! ภาพถ่ายและเนื้อหานี้ถูกจัดทำขึ้นจาก กลุ่มงานเวชศาสตร์ฉุกเฉิน โรงพยาบาลมหาสารคาม สำหรับอาการล่าสุดผู้ป่วยอาการดีขึ้นแล้ว โดยขณะนี้อยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด ซึ่งหากไม่มีภาวะแทรกซ้อนอื่น ก็จะสามารถกลับบ้านได้ภายในวันนี้
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: