เพชรบุรี-ผู้การฯเมืองเพชร สั่งเด้ง 8 ตร. สภ.หนองจอก หลังมีคลิปฉาว ที่คาดว่ามีเอี่ยวเรียกรับผลประโยชน์จับยาเสพติด พร้อม ตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง
จากกรณีเมื่อเวลา ประมาณ 21.00 น วันที่ 31 พฤษภาคม ปรากฏมีภาพคลิป วีดีโอ เผยแพร่ ทาง เฟซบุ๊ก ของนายเกรียงไกร ทองอ่อน ประธานเครือข่ายคัดค้านการตั้งด่านที่ไม่ถูกต้อง ชื่อ จะฉี่ที่นี่ต้องต่อรองกันก่อน ตอน “ค่าตรวจฉี่ที่ สภ.หนองจอก เพชรบุรี เรียก 40,000 บาท จบที่ 30,000 บาท เอาก็เอา”
(ขอบคุณภาพจากเพจ เกรียงไกร ไทยอ่อน )
ภายในคลิป ดังกล่าว ปรากฏภาพแอบถ่ายลักษณะคล้ายอยู่ในสถานีตำรวจแห่งหนึ่ง โดยผู้ถ่ายปรากฏเสียงเป็นผู้หญิงกำลังต่อรองราคา กับชายใส่เสื้อกั๊กสีดำ มีป้ายติดหน้าอกเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยืนอยู่ ลักษณะต่อรองราคาการเรียกรับผลประโยชน์ ปรากฏได้ความว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรหนองจอกทำการตั้งด่านตรวจในพื้นที่รับผิดชอบทำการตรวจปัสสาวะผู้สัญจรผ่านจุดดังกล่าวและพบว่ามีผู้มีสารเสพติดให้โทษในร่างกายจำนวน 3 ราย จึงได้นำตัวไปยังสถานีตำรวจภูธรหนองจอก
จากนั้นปรากฏมีภาพการต่อรองเรียกรับผลประโยชน์ เป็นจำนวนเงิน 40,000 บาทเพื่อไม่ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด โดยฝ่ายชายลักษณะคล้ายตำรวจลดให้เหลือ 33,000 บาท แต่ผู้ต่อรองซึ่งเป็นหญิงต่อรอง ในราคา 30,000 บาท แต่ฝ่ายชายลักษณะคล้ายตำรวจไม่ยอม ซึ่งนายเกรียงไกร ทองอ่อน ได้นำภาพดังกล่าวข้างต้นมาเผยแพร่
ต่อมา เมื่อเวลา 11.30 น.วันที่ 1 มิถุนายน 2563พล.ต.ต.เทียนชัย คามะปะโส ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี ได้มีคำสั่งด่วนตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรีที่ 174/2 563 และคำสั่งที่ 175 2563 ลงวันที่ 31 พฤษภาคม และ วันที่ 1 มิถุนายน ให้ข้าราชการตำรวจที่เกี่ยวข้องในการปฏิบัติหน้าที่ ตั้งจุดตรวจในพื้นที่ สภ.หนองจอก อ.ท่ายาง ดังกล่าว จำนวน 8 นาย ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พันตำรวจโท 1 นาย ร้อยตำรวจเอก 1 นาย ร้อยตำรวจโท 3 นาย ร้อยตำรวจตรี 1 นาย และดาบตำรวจ 2 นาย เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ที่ตำรวจภูธรจังหวัดเพชรบุรี โดยให้ขาดจากตำแหน่งหน้าที่ต้นสังกัดจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
พร้อมตั้ง คณะกรรมการสืบสวน กรณีข้อเท็จจริงดังกล่าวโดยมอบหมายให้ พ.ต.อ.ปัญจพลชำนาญหมอ รอง ผบก.ภ.จว.เพชรบุรี พ.ต.อ.อรัญ โตยิ่ง ผกก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี และ พ.ต.ท.สุธรรม ป้อมสีทอง รอง ผกก.สส.ภ.จว.เพชรบุรี ดำเนินการสืบสวนพิจารณา ตามหลักเกณฑ์และวิธีการ ทั้งนี้หากเห็นว่ามีมูลกระทำผิดวินัยในเรื่องอื่นนอกจากที่ระบุไว้ในกรณีที่สอบสวน หรือพาดพิงไปถึงข้าราชการตำรวจผู้อื่นว่าส่วนร่วมส่วนเกี่ยวข้อง จะดำเนินคดีอย่างต่อเนื่อง
