เพชรบุรี-นายกฯ ท่ายาง โพสต์เห็นใจชาวท่ายาง ได้รับความทุกข์ทรมานจากฝุ่นละออง ถนนพัง สะพานขาด สัญจรอย่างยากลำบาก เกิดอุบัติเหตุมีคนบาดเจ็บ เสียชีวิต เสียทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหาย ด้านชลประทานชี้แจงปัญหาเกิดจากงบสะดุด
เมื่อเวลาประมาณ 08.00 น. วันที่ 7 มิถุนายน 2563 นางนฤมล กิจพ่วงสุวรรณ นายกเทศมนตรีตำบลท่ายาง ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ในชื่อ Nummon tayang พร้อมภาพที่ชาวบ้านปลูกต้นกล้วยกลางถนน โดยมีข้อความว่า
“เทศบาลตำบลท่ายางมีหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชน ให้ได้รับความสะดวกปลอดภัย มีคุณภาพชีวิตที่ดี นับตั้งแต่มีการก่อสร้าง “โครงการป้องน้ำท่วมจังหวัดเพชรบุรี” ของชลประทานจังหวัดเพชรบุรี เพื่อช่วยให้อำเภออื่นๆ น้ำไม่ท่วม ซึ่งพวกเราชาวท่ายางเข้าใจและให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
หากแต่ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา การก่อสร้างเป็นไปอย่างล่าช้า ขาดมาตรฐาน แก้ไขซ้ำซาก ชาวบ้านในพื้นที่ได้รับความทุกข์ทรมานจากฝุ่นละออง ถนนพัง สะพานขาด สัญจรอย่างยากลำบาก เกิดอุบัติเหตุมีคนบาดเจ็บ เสียชีวิต เสียทรัพย์สิน บ้านเรือนเสียหายจากการก่อสร้าง ชาวบ้านไม่รู้จะไปเรียกร้องจากใคร เนื่องจากหาผู้รับจ้างหรือผู้รับผิดชอบไม่เจอ
ข่าวน่าสนใจ:
เพราะเป็นโครงการที่หน่วยงานรัฐดำเนินการก่อสร้างเอง อีกทั้งเกษตรกรจำนวนมากไม่มีน้ำทำไร่นามาหลายปี ขาดรายได้ เทศบาลได้ประสานทางชลประทานแก้ไขปัญหาเหล่านี้มาโดยตลอด
ปัจจุบันสภาพการก่อสร้างคลองสาย 3 คลองส่งน้ำสาย 3 แยกขวา (กระจับ) และคลองดี 9 (ละหารบอน-กระจิว) ยังไม่แล้วเสร็จและไม่ได้มาตรฐาน ทำไปซ่อมไป คงเป็นปัญหาให้กับคนในพื้นที่ในระยาวต่อไป เสียดายงบประมาณแผ่นดิน และคงเป็นตำนานให้คนท่ายางได้พูดถึง ความล้มเหลวในการจัดการของชลประทานไปอีกนาน ”
ทั้งนี้ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า ชาวชุมชนบ้านกระจับ ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ปลูกต้นกล้วยกลางถนนประชดโครงการของชลประทานเพชรบุรี ที่ได้ดำเนินการก่อสร้างงานระบบผันน้ำคลองส่งน้ำสายใหญ่ ฝั่งขวา เพื่อป้องกันและบรรเทาอุทกภัยพื้นที่ลุ่มน้ำเพชรบุรี มาตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2561 ซึ่งมีระยะเวลาดำเนินการ 1 ปี แต่มาจนถึงทุกวันนี้โครงการดังกล่าวยังไม่แล้วเสร็จ
ส่งผลทำให้ชาวบ้านโดยเฉพาะชุมชนบ้านกระจับ หมู่ 2 ต.ท่าคอย อ.ท่ายาง จ.เพชรบุรี ได้รับความเดือดร้อนผิวการจราจรเกิดปัญหาชำรุดทรุดโทรมเป็นหลุมเป็นบ่อ มีฝุ่นละออง ในช่วงเกิดฝนตกหนักถนนได้กลายเป็นบ่อโคลนสร้างความเดือดร้อนอย่างหนักให้แก่ผู้สัญจรผ่านไปมา
ด้าน นายสันต์ จรเจริญ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำจังหวัดเพชรบุรี ได้ชี้แจง ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ เพชรภูมิฮอตนิวส์ ว่า ปัญหาเกิดจาก งบประมาณสะดุด ขณะนี้แก้ปัญหาแล้ว เริ่มสานต่อโครงการฯกลางเดือน มิ.ย. คาด ใช้เวลา 3 เดือน เสร็จทั้งเส้นทาง
นายสันต์ เปิดเผยว่า โครงการก่อสร้างคลองสาย 1 ขวา สายใหญ่ 3 หรือ เส้นที่ผ่านหน้าสำนักงานที่ดินไปท่ายางถึงแยกกระจับระหารบอน- จนถึงประตูปลายคลองลงคลอง D 9 ซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาประมาณ 3 ปี เนื่องจากงบประมาณที่ขอเป็นงบประมาณก้อนใหญ่ แต่ได้รับมาเป็นส่วนๆ ละ 200-300 ล้านบาท และถูกดึงงบประมาณปี 2561 กลับส่วนกลางตามระเบียบ เนื่องจากไม่สามารถดำเนินการใช้งบฯได้ทัน และต้องทำการเบิกงบประมาณใหม่ซึ่งต้องใช้ระยะเวลา จึงทำให้เกิดรอยต่อทำให้งบประมาณขาดช่วง ทำให้งานในส่วนที่สร้างความเดือดร้อนคืองานดินถนนทั้ง 2 สายของ 2 ฝั่งคลองสายหนึ่งขวา
นายสันต์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันโครงการฯได้รับงบประมาณมาใหม่แล้ว ประกวดราคาเสร็จไปเมื่อ 2 เดือนที่แล้ว แต่ยังสามารถทำงานได้ทันที เนื่องจากมีผนังบางส่วนของคลองพังทลาย จึงต้องทำการแก้ไขก่อน และขณะนี้ผู้ว่าจ้างได้แก้ไขเสร็จสิ้นแล้ว และผู้รับจ้างจะเริ่มดำเนินการเข้าพื้นที่เพื่อทำโครงการต่อในสัปดาห์หน้า
ทั้งนี้โครงการจะเริ่มในส่วนแรก คือ ถนนฝั่งซ้ายมือ (หันหน้าตามทิศทางน้ำไหล) โดยจะมีการปรับปรุงผิวจราจรปรับระดับให้มีความเหมาะสมตามความจำเป็น โดยจะสอบถามข้อมูลจากผู้นำชุมชน และชาวบ้าน เพื่อนำมาปรับตามหลักวิศวกรรมเพื่อให้สามารถใช้สัญจรไปมาให้ถูกต้องกับลักษณะภูมิประเทศ ก่อนทำการลาดยางมะตอย โดยจะทำทีละเส้นทางเมื่อถนนฝั่งซ้ายแล้วเสร็จจะย้ายการก่อสร้างมาดำเนินการทำถนนฝั่งขวา เพื่อให้ขณะก่อสร้างชาวบ้านยังใช้ถนนสัญจรได้ และสะดวกปลอดภัยในการก่อสร้างทาง
“ ต้องกราบขออภัยส่วนรายการและพี่น้องประชาชนที่สัญจร และมีบ้านเรือนที่อยู่บริเวณดังกล่าวที่ต้องได้รับความเดือดร้อนต่อเนื่องกันมาเป็นเวลาเกือบ 2 ปี เนื่องจากติดเงื่อนไขเรื่องงบประมาณ และกราบขออภัยแทนชุดทำงานที่ลงไปทำงานด้วยเนื่องจากการทำงานในส่วนคลองสาย D 9 รวมทั้งสาย 3 สาย 1 ขวา มีการดำเนินการด้วยกัน 3 หน่วยงานประกอบด้วยโครงการชลประทานเพชรบุรี โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรี และส่วนฝ่ายก่อสร้างสำนักงานชลประทานที่ 14 ซึ่งรูปแบบงานจะมีทั้งดำเนินงานเองโดยกรมชลประทาน และในส่วนงานจ้างเหมา ซึ่งในแต่ละสายงานที่ลงมาช่วยกันอาจจะลงไปดูได้ไม่ทั่วถึง ต้องกราบขออภัยในเรื่องนี้ด้วย แต่ทุกปัญหาที่ได้รับ เราจะพยายามแก้ไขให้ได้มาตรฐาน จากนี้ไปคิดว่าใช้เวลาไม่นานคาดว่า 2 – 3 เดือนเส้นทางดังกล่าวจะแล้วเสร็จทั้งหมด” นายสันต์กล่าว.//ขอบคุณภาพจากเพจ เพชรภูมิฮอตนิวส์ และภาพจากเฟซบุ๊ก Nummon tayang
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: