เพชรบุรี-ศาลจังหวัดเพชรบุรี อนุญาตให้ประกันตัว ชาวบ้านบางกลอย ทั้ง 22 คนแล้ว โดยมีเงื่อนไขหากกลับขึ้นไปบุกรุกบางกลอยบน ห้วยบางกลอย จะถูกปรับครั้งละ 50,000 บาท นอกจากนี้ให้รายงานตัวกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ทุกๆ 12 วัน
ความคืบหน้าจากกรณีเมื่อวันที่ 5 มีนาคม 2564 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ได้เปิดปฏิบัติการสายฟ้า เพื่อปิดยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร โดยสนธิกำลังร่วมกันหลายหน่วยงาน นำหมายศาลเข้าจับกุม กลุ่มผู้บุกรุกป่าต้นน้ำ ในอช.แก่งกระจาน ซึ่งมีนายนอแอะ มีมิ ลูกชายนายคออี้ กับชาวบ้านอีกหลายคน ขึ้นไปบุกรุก ยืดถือที่ดิน โค่นไม้ เผาป่า อ้างว่า เป็นชุมชนดั้งเดิม
โดยนำชาวบ้านทั้งหมดขึ้นเฮลิคอปเตอร์ หลายเทีายวบิน ทั้งนี้หลังจากนำชาวบ้านกลุ่มดังกล่าวลงมาแล้ว ได้ทำการตรวจสุขภาพ และดำเนินคดีตามกฎหมาย และมีการตรวจคัดกรองโควิด 19 พร้อมตรวจสุขภาพของผู้กระทำความผิด การตรวจพิสูจน์บุคคล การแจ้งหมายจับ และบันทึกเปรียบเทียบปรับบันทึกการจับกุม นำส่งพนักงานสืบสวน สภ.แก่งกระจาน
ทั้งนี้ผู้กระทำผิดตามหมายจับทั้งหมดรวม 22 คน (ชาย 15 หญิง 7) นอกจากนี้ยังทำการเปรียบเทียบปรับชาวบ้านอีกจำนวน 28 คน (ชาย 13 หญิง 15) อีกทั้งยังคัดกรองบุคคลที่เป็นเด็ก นำส่งผู้ปกครอง จำนวน 37 คน (ชาย 19 หญิง 18) รวมจำนวนราษฎรบ้านบางกลอยที่นำขึ้น เฮลิคอปเตอร์กลับมาในปฏิบัติการนี้ ทั้งสิ้น 87 ราย ซึ่งหลังสอบปากคำผู้ต้องหาตามหมายจับเสร็จ ก็ได้ขออนุญาตศาลจังหวัดเพชรบุรี นำตัวฝากขังยังเรือนจำกลางเพชรบุรี ศาล จ.เพชรบุรี ได้อนุมัติตามคำขอ จึงควบคุมตัวทั้ง 22 คนเข้าสู่เรือนจำกลางเพชรบุรี และไม่มีผู้ใดมายื่นประกันตัว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2564 นายพิชัย วัชรวงษ์ไพบูลย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 สาขาเพชรบุรี เปิดเผยว่า ชาวบ้านทั้ง 22 คน ได้เขียนคำร้องด้วยตนเอง ว่าตนเป็นผู้ยากไร้ โดยศาลจังหวัดเพชรบุรีให้ผู้ต้องหาทั้งหมดปฏิญาณตน ว่าจะไม่กลับไปกระทำความผิดดังกล่าว หรือขึ้นไปบริเวณป่าบางกลอยบนอีก หรือพื้นที่อื่นในเขตอุทยานฯ ที่อุทยานฯไม่อนุญาตให้เข้าไป หากยังฝ่าฝืนจะโดนปรับครั้งละ 50,000 บาท และถอนประกัน
ทั้งนี้ให้ผู้ต้องหาทั้งหมดอยู่ภายใต้กำกับดูแล สอดส่อง ของผู้ปกครองท้องที่ พร้อมรายงานตัวกับฝ่ายปกครองทุก 12 วัน จากนั้น ผู้ใหญ่บ้านบางกลอย ได้จัดเตรียมรถมารับ ผู้ต้องหาทั้ง 22 ราย เดินทางกลับไปยังหมู่บ้านบางกลอยแล้ว
