เพชรบุรี – ผู้ต้องหาคดีงัดตู้เซฟที่โคราช หนีหมายจับมาเที่ยวทะเลที่ชะอำ จ.เพชรบุรี ถูก ตร.ชะอำ แกะรอยตามจับได้พร้อมของกลางหลายรายการ ขณะพักอยู่ในโรงแรม ริมหาดชะอำ
เมื่อเวลา 09.00 น.วันที่ 24 ตุลาคม พ.ต.ท.อภิรักษ์ เพิ่มชัย รอง ผกก.ป.สภ.ชะอำ นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจงานป้องกันปราบปราม สภ.ชะอำ เข้าไปในห้องพักโรงแรมแห่งหนึ่งบริเวณ ถ.ร่วมจิตต์ ต.ชะอำ จ.เพชรบุรี เพื่อจับตัว นายพัฒนา เผ่าเมืองพล อายุ 35 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3/1 หมู่ที่ ซ.อยู่เจริญ 1 ถ.เทศบาล 36 ต.หนองสาหร่าย อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา
ซึ่งนายพัฒนา เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ ศาลจังหวัดสีคิ้ว ที่ 92/2564 ลง 16 ตุลาคม 2564 ในข้อหา ลักทรัพย์ในเคหสถาน เหตุเกิดเมื่อประมาณปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา จากนั้นได้ตรวจค้นภายในรถยนต์เก๋ง เชฟโลเรต สีขาว หมายเลขทะเบียน กษ 6906 พระนครศรีอยุธยา ของนายพัฒนา พบพระเครื่อง และ พระเครื่องเลี่ยมกรอบทองคำ รวมกว่า 20 องค์ เครื่องประดับทองประดับเพชร อาทิ แหวน ตุ้มหู กำไล กว่า 10 ชิ้น นาฬิกาแบรนด์เนม ยี่ห้อโรเล็กซ์ 2 เรือน และนาฬิกาแบรนด์อื่นๆ อีก 4 เรือน
เบื้องต้นนายพัฒนา สารภาพว่า ก่อนหน้านี้เคยเป็นพนักงานทำสวนของโครงการหมู่บ้านหรูที่ ต.จันทึก อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ซึ่งเป็นหมู่บ้านที่เกิดเหตุ ต่อมาเมื่อประมาณ 3-4 เดือนที่ผ่านมาถูกให้ออกจากงาน แต่ตนยังรับจ้างตัดหญ้า ทำสวนให้กับบ้านที่อยู่ในหมู่บ้านดังกล่าว
วันเกิดเหตุประมาณ ปลายเดือนกันยายนไปรับจ้างตัดหญ้าอยู่ข้างบ้านที่ก่อเหตุ พบเห็นหน้าต่างบริเวณชั้นล่างของบ้านที่ก่อเหตุซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่อยู่ติดกันกับบ้านที่ตนรับจ้างตัดหญ้า หน้าต่างเปิดแง้ม และทราบว่าบ้านหลังดังกล่าวไม่มีคนพักอาศัย จึงแอบมุดเข้าไปค้นหาทรัพย์สิน เมื่อขึ้นไปที่บริเวณห้องพระชั้น 2 พบตู้เซฟเหล็กขนาดกลางวางอยู่มุมห้อง จึงใช้เสียมเหล็กซึ่งเป็นอุปกรณ์ทำสวนที่วางอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุงัดเซฟใช้เวลางัดนานกว่า 1 ชั่วโมง ได้ทรัพย์สินเป็นพระเครื่อง สร้อยคอทองคำ เครื่องประดับ นาฬิกา จำนวนหนึ่งจึงรวบรวมทั้งหมดซุกซ่อนไว้ในกระเป๋าสะพายและหลบหนี
โดยระหว่างทางได้นำสร้อยคอทองคำ 1 เส้น และกรอบพระเลี่ยมทองจำนวนหนึ่งไปจำหน่ายได้เงินมาประมาณ 60,000 บาท ต่อมาเมื่อกลางเดือนตุลาคม ญาติได้โทรศัพท์มาบอกว่ามีตำรวจไปถามหาตน จึงหลบหนีออกจาก จ.นครราชสีมาโดย อ้างชักชวน บุตรชายและภรรยา มาเที่ยวที่ อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี กระทั่งถูกติดตามจับได้ดังกล่าว
นายพัฒนา สารภาพ ตนไม่ได้เป็นโจรอาชีพ ครั้งนี้เพิ่งทำเป็นครั้งแรก ที่ทำเพราะตกงานไม่มีเงินประทังชีพ ส่วนเงินที่ได้ก็นำมากินมาใช้ภายในครอบครัว หลังก่อเหตุปกปิดไม่ได้บอกความจริงกับภรรยาหรือญาติ ภรรยาเพิ่งมารู้ว่าตนไปก่อเหตุก็เมื่อตำรวจเข้าจับกุม
