นครพนม – ผลบุญเริ่มทำงาน อานิสงส์เดินวิ่งข้ามโขง 2019 พ่อเมืองนครพนมมอบเงินเลขสวยให้ รพ.ซื้ออุปกรณ์ช่วยคนป่วย กุศลสะท้อนถึงนักกีฬา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากภารกิจมหกรรมกีฬาเดิน วิ่งข้ามโขง ครั้งที่ 2 นครพนม-คำม่วน 2019 รูดม่านลงอย่างสวยหรู จังหวัดนครพนมได้รับคำชื่นชมจากนักกีฬาว่า วางแผนงานได้เป็นอย่างดี แม้จะมีปัญหาบ้างก็ไม่มากมายนัก ต่างยืนยันว่าปีหน้า(2020) จะชักชวนเพื่อนนักวิ่งมาร่วมงานดังกล่าวด้วย เนื่องจากจังหวัดนครพนมมีอากาศบริสุทธิ์ วิวทิวทัศน์สวยงาม นอกจากนี้สะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 3 ยังได้ชื่อว่าเป็นสะพานข้ามแม่น้ำโขงที่ออกแบบสถาปัตยกรรมสวยที่สุด
โดยรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายจะนำไปสนับสนุนมูลนิธิศรีโคตรบูรเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตเยาวชน ประชาชน ผู้สูงอายุ และผู้บกพร่องทางร่างกาย ให้มีสุขภาพพลานามัยที่แข็งแรงสมบูรณ์ และสนับสนุนโรงพยาบาลนครพนมในการจัดหาวัสดุ อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์มาบริการประชาชน
ล่าสุด วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562 ณ ห้องทำงานผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายสยาม ศิริมงคล และ นางสาวสุภาภรณ์ นิรมาณการย์ ประธานมูลนิธิศรีโคตรบูรได้เชิญ นายแพทย์ยุทธชัย ตริสกุล ผอ.โรงพยาบาลนครพนม พร้อมคณะผู้บริหาร เพื่อมอบเงินจากการประมูลหมายเลข BIB ซึ่งเป็นเสื้อวิ่งเลขสวย กีฬาเดิน วิ่งข้ามโขง นครพนม-คำม่วน มาราธอน 2019 โดยมีทั้งหมด 18 เบอร์ ประกอบด้วยเลขตอง จำนวน 9 เบอร์ ราคาตัวละ 10,000 บาท (90,000 บาท) และเลขเรียง 4 ตัว จำนวน 9 ตัวๆ ละ 5,000 บาท (45,000 บาท) รวมเป็นเงิน 135,000 บาท นำเข้ามูลนิธิโรงพยาบาลนครพนม เพื่อจัดหาซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์รักษาผู้ป่วย ส่วนรายได้จากการที่นักกีฬาลงทะเบียนกำลังอยู่ในระหว่างหักค่าใช้จ่าย จากนั้นจะมอบให้มูลนิธิศรีโคตรบูร เป็นการสะท้อนบุญกุศลส่งให้แก่นักกีฬาเดินวิ่งข้ามโขง 2019 ทุกคน
สะพานมิตรภาพไทย ลาว แห่งที่ 3 เป็นสะพานเชื่อมระหว่างประเทศไทยกับประเทศลาว ฝั่งไทยอยู่บริเวณบ้านห้อม ตำบลอาจสามารถ อำเภอเมืองนครพนม ข้ามไปฝั่งลาวที่บริเวณบ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน มีความยาว 780 เมตร กว้าง 13 เมตร มี 2 ช่องจราจร เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน 2554 (วันที่ 11 เดือน 11 ปี ค.ศ.2011) โดย สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีร่วมกับท่านบุญยัง วอละจิด รองประธานประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว(สปป.ลาสว)
สะพานแห่งนี้ถือเป็นเส้นทางเศรษฐกิจที่สำคัญแห่งใหม่ของภาคอีสาน มีมูลค่าสินค้าผ่านสูงถึง 1 แสนล้านต่อปี นอกจากนี้ยังทำให้การท่องเที่ยวในจังหวัดนครพนม คึกคักขึ้นมา เพราะนักท่องเที่ยวสามารถข้ามไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้สะดวกสบายมากขึ้น ประกอบกับจังหวัดนครพนม ได้รับการประกาศให้เป็นเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษระยะที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่ 2 อำเภอ 13 ตำบล มีบริษัทเอกชนได้เสนอรูปแบบการพัฒนาและลงนามในสัญญาเช่าพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษที่รัฐจัดให้พื้นที่ 1,300 ไร่เศษ นอกจากนี้บริเวณเชิงสะพานมิตรภาพไทยลาวแห่งที่ 3 อนาคตจะเป็นศูนย์โลจิสติกส์และสถานีปลายทางของรถไฟรางคู่สายบ้านไผ่- นครพนม ซึ่งมีกำหนดเปิดใช้บริการในปี พ.ศ. 2567 นี้
