นครพนม – กองทัพเรือจัดไตรกีฬา ซีซั่น 2 สนามแรกนครพนม หลังห่างหายไป 18 ปี นักกีฬาสายโหดท้าประลองกำลังลูกนาวี
วันที่ 16 พ.ย.2562 เวลา 10.45 น. บริเวณลานพญาศรีสัตตนาคราช ริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม กองทัพเรือ จัดงานแถลงข่าวการจัดการแข่งขันไตรกีฬานาวีเฉลิมพระเกียรติ ซีซั่น 2 ภายใต้ชื่อ“มรรควิถีผู้กล้า ด้วยรักและศรัทธา ล่องธาราสู่มหาชลธี เดอะซีรีย์” และการแถลงข่าวการแข่งขันในสนามที่ 1 ในปีงบประมาณ 2563 ในรายการ “ถิ่นน้ำสองสี เหล่าราชนาวีเทิดจักรีวงศ์” ซึ่งรายนี้หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน
ในการแถลงข่าวสนามแรกนี้ มี พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือ(ผบ.ทร.)เป็นประธาน ร่วมด้วย พลเรือเอก ชาติชาย ศรีวรขาน ผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารเรือ/ประธานคณะกรรมการจัดหารายได้ พลเรือเอก วศินสรรพ์ จันทวรินทร์ ประธานกรรมการบริหารสวัสดิการกีฬากองทัพเรือ/ประธานกรรมการอำนวยการจัดการแข่งขันไตรกีฬานาวีเฉลิมพระเกียรติ พลเรือตรี สมพงษ์ ศรอากาศ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(ผบ.นรข.) ในฐานะเจ้าภาพ นายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายนิวัต เจียวิริยบุญญา นายกเทศมนตรีเมืองนครพนม
นอกจากนี้ยังมีเจ้าภาพจัดการแข่งขันอีก 3 สนาม เดินทางมาร่วมแถลงข่าวด้วย ได้แก่ พลเรือเอก ชุมศักดิ์ นาควิจิตร ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน พลเรือตรี อุทัย ชีวะสุทธิ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง พร้อมผู้สนับสนุนหลักจากการปิโตเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ได้แก่ คุณกำพล แจ้งสุทธิวรวัฒน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความร่วมมือกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นปลาย คุณเชาวนี พันธ์พฤกษ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารกิจการเพื่อสังคม คุณธนากร ประดิษฐอาชีพ ผู้จัดการฝ่ายตลาดรัฐและอุตสาหกรรม และคุณศิริพงษ์ เฟื่องลิขิต ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายกิจกรรมเพื่อสังคม ทั้งนี้มีหัวหน้าส่วนราชการ ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสมาคม ภาคีเครือข่ายภาคประชาชน เข้าร่วมรับฟังการแถลงข่าวในครั้งนี้อย่างคับคั่ง
ผบ.ทร.เปิดเผยว่าจากความสำเร็จกับการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการไตรกีฬา ที่ได้มาตรฐานระดับสากล และได้รับความสนใจจากนักไตรกีฬาทั้งไทยและต่างประเทศอย่างมากมาย ในการจัดการแข่งขัน “ไตรกีฬา นาวีเฉลิมพระเกียรติ เดอะซีรี่ย์” จากผืนทะเลสู่ภูผา จากฟากฝ้าสู้มหานที 5 ครั้ง 5 สนาม ประจำปีงบประมาณ 2562 คือ 1.สนามอ่าวดงตาล กองเรือยุทธการสัตหีบ จังหวัดชลบุรี 2.สนามจังหวัดเชียงราย 3.สนามจังหวัดสงขลา 4.สนามจังหวัดภูเก็ต และ 5.หาดเตยงาม อ่าวนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ภายในระยะเวลา 1 ปี ก็ได้รับความสนใจอย่างมากจากนักไตรกีฬาชาวไทยและต่างชาติ รวมกว่า 10,000 คน จาก 15 ประเทศทั่วโลก ซึ่งกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นการจัดการแข่งขันไตรกีฬาที่ยิ่งใหญ่ ท้าทาย และเส้นทางการแข่งขันในทุกๆสนาม มีทัศนียภาพที่สวยงาม และสะท้อนเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแต่ละพื้นที่ได้เป็นอย่างดี
มาตรฐานการจัดการแข่งขันทุกอย่างเป็นระบบ ใช้หลักกติกาสา และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ สร้างความประทับใจให้กับผู้เข้าแข่งขัน จึงเป็นบทพิสูจน์ให้เห็นว่าการจัดการแข่งขันประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ทุกประการ ทั้งยังช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวภายในประเทศ เกิดการกระตุ้นทางเศรษฐกิจในพื้นที่ที่จัดการแข่งขัน พื้นที่ละกว่า 50 ล้านบาท รวม 5 สนามกว่า 250 ล้านบาท
และเป็นอีกหนึ่งมหกรรมที่ทำให้เห็นภาพกำลังพลของกองทัพเรือ ตื่นตัวในการออกกำลังกาย มีสมรรถนะทางกาย และความแข็งแรงที่ปรากฏออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน อีกทั้งยังสนองพระมหากรุณาธิคุณ แสดงออกถึงความจงรักภักดี เชิดชูต่อสถาบันหลัก อันเป็นที่เคารพรักของปวงชนชาวไทย เป็นการตอบรับนโยบายด้านกำลังพลของผู้บัญชาการทหารเรือที่กล่าวไว้ว่า “จิตใจที่เข้มแข็งและดีงามล้วนอยู่ในร่างกายที่สมบูรณ์”ได้อย่างแท้จริง
ดังนั้น จึงมีการจัดการแข่งขันไตรกีฬานาวี เฉลิมพระเกียรติ ซีซั่น 2 ภายใต้ชื่อ“มรรควิถีผู้กล้า ด้วยรักและศรัทธาล่องธาราสู่มหาชลธี เดอะซีรีย์” 4 ตอนจบ โดยกำหนดจัดการแข่งขัน “อรุณเบิกฟ้า ปวงประชาและราชนาวี รวมใจภักดิ์” จำนวน 4 สนาม ได้แก่สนามที่ 1 โดยหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) จังหวัดนครพนม เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน ชื่อว่า“ถิ่นน้ำสองสี เหล่าราชนาวีเทิดจักรีวงศ์” สนามที่ 2 จัดการแข่งขันที่จังหวัดระนอง ชื่อ“อาทิตย์อัสดงริมแผ่นดินทอง เหล่าประชาและนาวีแซ่ซ้องพระเกียรติคุณ” โดยหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง (สอ.รฝ.) เป็นเจ้าภาพ ซึ่งสนามนี้กล่าวกันว่าหินที่สุด หากนักไตรกีฬาผ่านสนามนี้ได้ อีกสองสนามที่เหลือสบายมาก สนามที่ 3 จัดการแข่งขันที่จังหวัดชุมพร ชื่อ“พระมหากรุณาธิคุณดุจบิดามารดร เหล่านาวีถวายพระพรชัย”
โดยกองเรือยุทธการ (กร.) เป็นเจ้าภาพ และสนามที่ 4 จัดการแข่งขันที่จังหวัดชลบุรี ชื่อ“ทหารเรือไทย เทิดไท้องค์มหาราชามหาราชินีชั่วนิรันด์” โดยหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน (นย.) เป็นเจ้าภาพ
สำหรับการแข่งขันในสนามที่ 1 รายการ ” ถิ่นน้ำสองสี เหล่าราชนาวีเทิดจักรีวงศ์ ” ที่ นรข.เป็นเจ้าภาพ จะทำการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม 2562 ซึ่ง ผบ.ทร.กล่าวว่า เท่าที่ทราบในขณะนี้โรงแรมทุกแห่งในจังหวัดนครพนม ไฟล์บินเกือบทุกไฟล์ถูกนักกีฬาจองเกือบหมดแล้ว บางคนต้องการมาล่าเงินรางวัลที่มีถึง 8-9 ล้านบาท ส่วนถ้วยรางวัลก็ออกแบบจากปลอกกระสุนปืน ที่มีแห่งเดียวในโลก แต่นักไตรกีฬาบางท่านก็อยากมาประลองพละกำลังกับทหารเรือ
ทั้งนี้แต่ละสนามจะแบ่งการแข่งขันเป็น 4 ระยะทางทั้งชายและหญิง แยกเป็นรายบุคคลแบ่งตามกลุ่มอายุ ชาย 9 กลุ่ม หญิง 7 กลุ่ม ได้แก่(1.)ระยะทางไกล หรือ “ฟูล ไอรอนแมน” ว่ายน้ำ 3.8 กม. ปั่นจักยาน 180 กม. วิ่ง 42 กม.(2.)ระยะโอลิมปิค ว่ายน้ำ 1.5 กม. ปั่นจักรยาน 40 กม. วิ่ง 10 กม. (3.)ระยะสั้น ว่ายน้ำ 0.75 กม. ปั่นจักรยาน 20 กม. วิ่ง 5 กม. และ 4.ระยะทวิกีฬา วิ่ง 5 กม. ปั่นจักรยาน 40 กม. วิ่ง 10 กม. ส่วนประเภททีมแบ่งอออกเป็นทีมละ 3 คน ลงแข่งขันในประเภทระยะทางไกลกับโอลิมปิค ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมและสมัครเข้าร่วมแข่งขันได้ที่
เฟสบุ๊คแฟนเพจ “ไตรกีฬานาวีเฉลิมพระเกียรติ” (www.facebook.com/ไตรกีฬาเฉลิมพระเกียรติ-532067847258307)
การแข่งขันไตรกีฬาในจังหวัดนครพนม เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2544 โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ร่วมกับ จังหวัดนครพนม และหน่วยงานภาครัฐและเอกชน จัดการแข่งขันแม่น้ำโขงไตรกีฬานานาชาติ ครั้งที่ 4 ประจำปี 2544 ระหว่างวันที่ 17-18 มีนาคม 2544 บริเวณหาดทรายทองศรีโคตรบูรณ์ และถนนเลียบแม่น้ำโขง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม ชิงถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมและกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยใช้กิจกรรมด้านการกีฬาและใช้ประโยชน์จากแม่น้ำโขงเป็นจุดขายทางการท่องเที่ยวของจังหวัดนครพนม ซึ่งมีศักยภาพที่จะเป็นประตูเชื่อมโยงกับกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ตลอดจนเป็นการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และชื่อเสียงจังหวัดนครพนมในด้านการท่องเที่ยว หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีการจัดแข่งขันไตรกีฬาในจังหวัดนครพนมอีกเลย กระทั่ง 18 ปีผ่านมา กองทัพเรือจึงนำไตรกีฬากลับมาสู่จังหวัดนครพนมอีกครั้งหนึ่ง
