นครพนม – หนุ่มใหญ่ โร่แจ้งตำรวจ เร่งล่าตัวหนุ่มเมาคลั่ง ทุบรถพังเละ หนีลอยนวล ญาติอ้างคนก่อเหตุ สติไม่ดี เจ้าของรถร้องสื่อหวั่นคดีเงียบ มาก่อเหตุซ้ำ
เมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายน 2562 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ จ.นครพนม ได้มีผู้เสียหายกรณีถูกชายเมาขาดสติ คลุ้มคลั่งทุบรถยนต์กระบะ ที่จอดไว้หน้าบ้าน เมื่อช่วงกลางดึกที่ผ่านมา จนได้รับความเสียหายอย่างหนัก โดยผู้เสียหาย คือ นายชยพล จันทรสาขา อายุ 38 ปี ชาว อ.เมือง จ.มุกดาหาร ได้ออกมาแฉพฤติกรรมของชายเมาคลุ่มคลั่ง อาละวาดทุบรถยนต์ จนเสียหาย ซึ่งได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ต่อ พ.ต.ท.ประเสริฐ์ศักดิ์ นวลบัตร สารวัตรเวร สภ.ธาตุพนม เพื่อดำเนินคดี กับผู้ก่อเหตุ พร้อมได้ออกมาให้ข้อมูลผ่านสื่อ เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม ไปยังหน่วยงานตำรวจ เนื่องจากผู้ก่อเหตุยังหลบหนี และไม่สามารถจับกุมตัว ได้ เกรงว่าจะมาก่อเหตุซ้ำอีก เบื้องต้นทางตำรวจ อยู่ระหว่าง เร่งสืบสวน ติดตามจับกุมผู้ก่อเหตุ มาดำเนินคดี ตามกฎหมาย
ทั้งนี้ นายชยพล จันทรสาขา อายุ 38 ปี ชาว อ.เมือง จ.มุกดาหาร เปิดเผยว่า เหตุเกิดเมื่อช่วงกลางดึก เมื่อคืนวันที่ 25 พฤศจิกายน 2562 ที่ผ่านมา ขณะตนมาธุระบ้านญาติ ในพื้นที่ บ้านอุ่มเหม้า ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จากนั้นได้จอดรถยนต์กระบะไว้หน้าบ้าน ในหมู่บ้าน คือ รถยนต์กระบะ 4 ประตู สีเทา มาสด้า บีที 50 ทะเบียน กจ 5909 ศรีษะเกษ จนกระทั่งได้ยินเสียง ทุบรถอย่างแรง จึงได้วิ่งลงมาดู พบชายมีอาการคล้ายคนเมา คลุ้มคลั่ง ใช้ท่อนไม้ยาว กว่า 1 เมตร ทุบรถอย่างแรง ทำให้กระจกรถด้านหน้า และกระจกประตูขวา ทั้ง 2 บาน แตกเสียหาย และมีรอยทุบอีกหลายจุด แต่ไม่มีการลักทรัพย์สินในรถแต่อย่างใด ก่อนวิ่งหนีไป ท่ามกลางความมืด จนกระทั่งมีการสอบถามชาวบ้าน และทราบตัวผู้กระทำผิด และในช่วงเช้าได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดี กับผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ คือ นายปราการ อุ่นชัย อายุ 35 ปี ชาวบ้าน ต.อุ่มเหม้า อ.ธาตุพนม จ.นครพนม โดยจากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ผู้ก่อเหตุชาวบ้านมีพฤติกรรมกลุ่มเสี่ยง ชอบดื่มเหล้า เมาอาละวาด ซึ่งทางผู้เสียหายยังยืนยันว่า ไม่เคยมีปัญหาเรื่องทะเลาะกับใคร และไม่เคยมีปัญหาขัดแย้งกับผู้ก่อเหตุ ไม่รู้ว่าต้นเหตุมาจากอะไร เชื่อว่าเมาคลุ่มคลั่ง อาละวาด พบเห็นรถยนต์จอดข้างถนน จึงทุบรถจนเสียหาย และครั้งนี้เกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม คดีล่าช้า จึงออกมาร้องทุกข์ ให้ตำรวจเร่งรัดคดี จับกุมผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี และให้ญาติดูแลชดใช้ความเสียหาย ที่เกิดขึ้น อีกทั้งเกรงว่าจะเป็นภัยสังคม ก่อเหตุซ้ำอีก
