วันที่ 12 ธันวาคม 2562 เวลา 17.00 น. พ.ต.ท.อภิชาติ สุนีย์ สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า เกิดเหตุเพลิงไหม้บ้านราษฎร ริมถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 22 บ้านหัวโพน หมู่ 6 ต.นาทราย จึงประสานไปยังเจ้าหน้าที่กู้ภัยศรีสัตตฯ,VR กู้ภัยฯ และ กู้ภัยนครพนม พร้อมรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองนครพนม อบต.นาทราย เทศบาลหนองญาติ ฯลฯ รุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมกับ นายเอกราช มณีกรรณ์ นายอำเภอเมืองนครพนม นางณัตติยา สีใส รองนายก อบจ.นครพนม นายเดชา พลกล้า ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยฯ(ปภ.นครพนม) พบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านเลขที่ 11 หมู่ 6 และลามเลียไปยังบ้านข้างๆ ประกอบกับมีลมพัดแรงทำให้ไฟโหมไหม้อย่างรวดเร็ว ขณะที่บ้านหลังอื่นๆที่อยู่ใกล้ ต่างอพยพสิ่งของหนีกันจ้าละหวั่น ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เพลิงจึงสงบ แต่ยังมีควันกรุ่นอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าต้องฉีดน้ำเลี้ยงไว้
สอบสวนเบื้องต้นบ้านต้นเพลิงเลขที่ดังกล่าวเป็นของนางเกตุมณี โคตรธรรม อายุ 63 ปี ภายในมีกระสอบข้าวเปลือกหลายสิบกระสอบ ถูกไฟเผาไหม้จนเกลี้ยง นอกจากนี้ยังมีสร้อยคอทองคำหนัก 3 หนัก เงินสดอีกเกือบ 20,000 บาท หายไปกับกองเพลิง จนนางเกตุมณีเจ้าของบ้านเป็นลมล้มพับ ญาติๆต้องประคองและปลอบใจตลอดเวลา เพราะนำสิ่งของมีค่าออกมาไม่ได้แม้แต่ชิ้นเดียว
ก่อนเกิดเหตุนางเกตุมณีปิดประตูบ้านออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาด ขณะที่บ้านที่อยู่ติดกันเป็นของนางมณีวรรณ ปัญญาบุตร อายุ 61 ปี เลขที่ 138 หมู่ 6 เปิดเป็นร้านขายของชำ นั่งเปิดดูโทรทัศน์อยู่ในบ้านโดยไม่ทราบว่าบ้านข้างๆเกิดเพลิงไหม้ กระทั่งนางเกตุมณีกลับมาจากตลาด พบแสงเพลิงลุกไหม้อยู่ชั้นล่าง พร้อมตะโกนว่าไฟไหม้ๆ นางมณีวรรณลุกวิ่งมาดูเห็นไฟกำลังไหม้ชั้นล่างของตัวบ้าน จึงรีบขนข้าวของออกจากบ้าน แต่ด้วยแรงลมพัดไปทางทิศใต้ไฟจึงไปไหม้บ้านเลขที่ 39 หมู่ 6 ของนางสุรางคนา ตะเภา อายุ 64 ปี อย่างรวดเร็ว โดยนางสุรางคณาหอบสิ่งของออกได้แค่ข้าวเปลือกสิบกว่ากระสอบ ส่วนอย่างอื่นนำออกไม่ได้
หลังเพลิงสงบนายเอกราช มณีกรรณ์ นายอำเภอเมืองนครพนม สั่งการให้กำนันตำบลนาทราย และผู้ใหญ่บ้าน ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในเบื้องต้น ขาดเหลือหรือต้องการสิ่งใดให้แจ้งไปยังอำเภอด่วน ขณะที่นางณัตติยา สีใส รองนายก อบจ.นครพนม กำชับ อบต.นาทราย เข้าช่วยเหลือครอบครัวที่ถูกไฟไหม้ทั้ง 3 หลังด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าอาจจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร
