นครพนม – กรณีรัฐบาลอนุมัติงบประมาณเร่งด่วน หรือเรียกติดปากว่างบภัยแล้ง ในการแก้ไขและบรรเทาปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่อันเนื่องมาจากปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยฯ จัดตั้งโครงการงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2562 งบกลาง ในรายการเงินสำรองจ่ายฉุกเฉินหรือจำเป็น พ.ศ.2562 ซึ่งงบเร่งด่วนนี้ถือเป็นโครงการสำคัญที่มีเจตนาบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งจังหวัดนครพนม ได้รับงบประมาณมากว่า 140 ล้านบาท และนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ได้แสดงสปิริตความเป็นผู้นำ โดยมอบให้ทั้ง 12 อำเภอ นำงบภัยแล้งไปดำเนินการร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับประโยชน์มากที่สุด
ปรากฏว่ากลายเป็นช่องว่างให้เกิดความไม่โปร่งใส เพราะมีข้าราชการระดับอำเภอบางคน นำโครงการดังกล่าวมาแสวงหาผลประโยชน์ โดยอาศัยที่เป็นงบเร่งด่วน และกฎหมายเปิดช่องให้ในกรณีโครงการไม่เกิน 500,000 บาท ไม่ต้องยื่นซองประกวดราคา ซึ่งผู้มีอำนาจสามารถเชิญผู้รับจ้างมาลงนามเซ็นชื่อเป็นคู่สัญญาได้เลย โดยเรียกหักเปอร์เซ็นต์แต่ละโครงการไม่น้อยกว่า 35 % ขึ้นไป ผู้ประกอบการจำเป็นต้องลดขนาดปริมาณงานลง
ซึ่งอำเภอท่าอุเทน ได้รับงบประมาณแก้ไขปัญหาภัยแล้งจากรัฐบาล จำนวน 27 โครงการ จากที่เสนอไปทั้งสิ้น 52 โครงการ เช่น ก่อสร้างฝายน้ำล้น ขยายท่อเมนประปาภายในหมู่บ้าน ขุดลอกสระ-ห้วย ก่อสร้างระบบประปาบาดาล และปรับปรุงระบบประปา มีเกือบ 20 โครงการ จะเป็นงานขุดลอกสระและห้วย
โดยวันที่ 13 ธันวาคม ที่ผ่านมา นายปียา ผารุธรรม เครือข่ายธรรมาภิบาล ภาคประชาชน หลังได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากราษฎรบ้านเวินพระบาทหมู่ 1 ต.เวินพระบาท อ.ท่าอุเทน ว่า การปรับปรุงระบบประปาแบบฝังดินขนาดเล็ก อาจไม่ได้มาตรฐานหรือผิดสเป็ค แต่มีการตรวจรับงานไปแล้ว ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ภายในบริเวณวัดโพธิ์ชัย หรือวัดพระบาทเวินปลา ติดกับลานกีฬาเป็นแพสูบน้ำอยู่ริมแม่น้ำโขงสร้างแทนหลังเก่าที่ผุพังเสียหาย ระบุลักษณะเป็นไปตามแบบมาตรฐานสำนักงานพัฒนาน้ำบาดาล กรมทรัพยากรน้ำบาดาล ในวงเงินค่าก่อสร้าง 298,800 บาท(สองแสนเก้าหมื่นแปดพันแปดร้อยบาทถ้วน)
มีประมาณราคาค่าก่อสร้างรวม 16 รายการ โดยแยกเป็นงานอาคารจำนวนเงิน 138,800 บาท(หนึ่งแสนสามหมื่นแปดพันแปดร้อยบาทถ้วน) งานครุภัณฑ์ 160,000 บาท(หนึ่งแสนหกหมื่นบาทถ้วน) รวมเป็นเงิน 298,800 บาท (สองแสนเก้าหมื่นแปดพันแปดร้อยบาทถ้วน) แต่แหล่งข่าวระบุว่ามีวัสดุบางอย่างไม่เป็นไปตามแบบ โดยเฉพาะรายการที่ 1-4 คือ (1)เหล็กหล่อง 2×4 นิ้ว หนา 2.3 มม. (2)เหล็กหล่อง 2×2 นิ้ว หนา 2.3 มม. (3)แผ่นเหล็กราบดำ 4×8 ฟุต หนา 4 มม. และ(4)เหล็กหล่อง 1 ½ นิ้ว หนา 2.0 มม. ทั้ง 4 รายการผิดสเป็คหมด เพราะนำเหล็กบางชนิดที่ไม่เป็นไปตามแบบมาประกอบในโครงสร้างแพสูบน้ำ และคิดว่าคงไม่มีใครมารื้อแพพิสูจน์ จึงอยากให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง
นอกจากนี้ยังมีชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับแพสูบน้ำ เผยว่าเมื่อผู้รับจ้างสร้างแพเสร็จ ก็ขนอุปกรณ์กลับไป การวางสายไฟก็ไม่คำนึงถึงความปลอดภัย ด้วยต่อไฟจากหม้อแปลงแล้วลากสายไฟลอดท่อแป๊บเหล็กไปยังแพสูบน้ำ ซึ่งอาจจะเกิดอันตรายต่อผู้ผ่านไปมา และสายไฟยังอยู่ติดกับสนามกีฬาที่มีเด็กมาเล่นเป็นประจำ หากสายไฟชำรุดหลุดลอกหรือรั่วขึ้นมา แล้วดูดคนเสียชีวิต ใครจะออกมารับผิดชอบ ชาวบ้านจึงอยากให้มีการฝังลงดินให้เรียบร้อย ไม่ใช่ปล่อยให้อุจาดตาเช่นนี้ ซึ่งแหล่งข่าวยอมรับว่ารายการดังกล่าวไม่ได้อยู่ในแบบ แต่ด้วยจิตสำนึกของผู้รับเหมาควรจะมี หากเกิดอันตรายขึ้นมานั่นหมายถึงชีวิตคน
ล่าสุด วันที่ 25 ธันวาคม 2562 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปพบกับนายสุขิน สีเพ็ง ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 ต.เวินพระบาท เพื่อสอบถามความคืบหน้าว่ามีการตรวจสอบและแก้ไขหรือยัง นายสุขินกล่าวว่าทุกอย่างไม่มีการเปลี่ยนแปลง โดยนายสุขินยังเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังต่อว่า ด้วยความเป็นงบเร่งด่วนทางอำเภอแจ้งให้เสนอโครงการส่งไป ตนจึงขอแพสูบน้ำหลังใหม่ “ขอวันนี้ให้ส่งพรุ่งนี้เลย”นายสุขินกล่าว
จากนั้นไม่นานก็มีผู้รับเหมามาสร้างแพ โดยไม่ยอมมาบอกกล่าวเล่าสิบให้ผู้ใหญ่บ้านทราบ และนายสุขินก็ไม่ได้รับคำสั่งให้เข้าไปดูการทำงาน กระทั่งแพเสร็จเป็นรูปเป็นร่าง สามารถเดินเครื่องสูบน้ำขึ้นมาผลิตน้ำประปาแจกจ่ายแก่ประชาชน แต่กังวลที่สายไฟเท่านั้นไม่รู้ใครจะเป็นผู้ถูกสังเวยกรณีมีไฟรั่ว
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า หลังนำเสนอข่าวมีคณะผู้ตรวจสอบลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินโครงการ ซึ่งเจ้าของพื้นที่ในแต่ละหมู่บ้านพาไปตรวจหมด ยกเว้นแพสูบน้ำแห่งนี้ มีการเลี่ยงไปมาเพราะอาจจะเจอการหมกเม็ดสเป็คไม่ตรงตามแบบ โดยเฉพาะ 4 รายการที่กล่าวข้างต้น
