นครพนม – วันที่ 22 ส.ค.61 เวลา 09.30 น. ที่ห้องประชุมโรงแรมไอโฮเทล บ้านหนองจันทร์ ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม นายปณิธิ อุทัยรัตน์ พาณิชย์จังหวัดนครพนม จัดโครงการส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านการค้า การลงทุน มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการสินค้า OTOP&SMEs ให้มีความสามารถในการเป็นนักค้ามืออาชีพ พร้อมขยายและเชื่อมโยงเครือข่ายธุรกิจ ระหว่างผู้ประกอบการในนครพนมและต่างจังหวัด เช่นร้อยเอ็ด ผู้ผลิตข้าวอินทรีย์ มหาสารคาม กลุ่มผลิตอาหาร สกลนคร จำหน่ายเนื้อโคขุน กลุ่มวิสาหกิจชุมชนแปรรูปอาหารจังหวัดกาฬสินธุ์ มุกดาหาร ผู้แปรรูปอาหาร เลย ผู้ผลิตเครื่องสำอางและอาหารออร์แกนิก และกลุ่ม bizclub จากจังหวัดนครราชสีมา
นอกจากนี้ยังมีผู้ค้าขายจากประเทศลาวเข้าร่วมสัมมนา มีคณะผู้แทนเช่น นายวันทอน บุดสมพัน รองหัวหน้าแผนกอุตสาหกรรมและการค้า แขวงคำม่วน นานพอนสไม จันสีนา รองแผนกอุตสาหกรรมและการค้า แขวงสะหวันนะเขต และนางสมพาวัน วัดทะนา แผนกอุตสาหกรรมและการค้า แขวงบอลิคำไซ เป็นผู้นำนักธุรกิจที่มีความมั่นคงในอาชีพ มาทำความรู้จักกับนักธุรกิจฝั่งไทย โดยมีนายประทีป ฤทธิกุล รอง ผวจ.ฯ เป็นประธานพิธีเปิด
นายปณิธิฯกล่าวว่า รัฐบาลมีนโยบายในการเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ โดยการเพิ่มขีดความสามารถของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและย่อมให้เข้มแข็ง สามารถแข่งขันกับผู้อื่นได้อย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังได้ส่งเสริมบทบาทการใช้โอกาสในประชาคมอาเซี่ยน โดยเร่งเชื่อมโยงเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ในภูมิภาคอาเซี่ยน และขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน พัฒนาศักยภาพในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทยทุกระดับ
นายประทีปฯกล่าวเพิ่มเติมว่า จังหวัดนครพนมได้กำหนดวิสัยทัศน์ ในการส่งเสริมให้เป็นศูนย์การค้า การลงทุน ประตูสู่เศรษฐกิจอาเซี่ยน และทะลุไปถึงจีนตอนใต้ โดยใช้ศักยภาพของจังหวัดที่โดดเด่นคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษฯ และสะพานมิตรภาพไทย-ลาว 3 นอกจากนี้ยังมีสนามบิน พร้อมในการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเพื่อรองรับการขยายตัวด้านการค้า การลงทุน การท่องเที่ยว ให้มีความเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน
“การสัมมนาทางวิชาการครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์ต่อทุกคน นำไปประยุกต์ใช้ เพื่อเพิ่มช่องทางในการดำเนินธุรกิจ เชื่อมโยงเครือข่ายถึงกัน สามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ได้มาตรฐาน รวมถึงร่วมกันขับเคลื่อนให้จังหวัดนครพนมเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน ประตูสู่อาเซี่ยนและจีนตอนใต้ต่อไป” นายประทีปกล่าว
