นครพนม – วันที่ 22 ส.ค.61 เวลา 10.00 น. ห้องประชุมชั้น 2 สำนักงานธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร จังหวัดนครพนม(ธ.ก.ส.ฯ) ถนนนิตโย เขตเทศบาลเมืองนครพนม นายสุกิตติ์ ไกรเกตุ ผู้อำนวยการสำนักงานฯ แถลงถึงมติคณะรัฐมนตรี ในการประชุมเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา และคณะกรรมการธนาคารได้ประชุมกันอีกครั้งเมื่อวันที่ 26 ก.ค.61 ได้เห็นชอบมาตรการลดภาระหนี้ เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐ ทางสำนักงานใหญ่จึงได้มอบหมายนโยบายดังกล่าวแก่ ผอ.ธ.ก.ส.จังหวัด ผู้จัดการสาขาทั่วประเทศ เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานตามมาตรการลดภาระหนี้ รวม 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการขยายเวลาชำระหนี้ให้แก่เกษตรกร โดยลดดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ไม่เกิน 300,000 บาท จากดอกเบี้ยสูงสุด 7 % ลดเหลืออัตราร้อยละ 3 บาท เป็นเวลา 1 ปี เริ่มดีเดย์ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา ถึงวันที่ 31 ก.ค.62
ในกรณีนี้นายสุกิตติ์เผยว่า ลูกค้า ธ.ก.ส.ทุกคน ได้รับอานิสงส์เหมือนกันหมด ไม่ว่าจะเป็นลูกเก่าหรือใหม่ โดยรัฐชดเชยดูแลดอกเบี้ยร้อยละ 2.50 บาท/ปี และทางธนาคารจะรับภาระดอกเบี้ยแทนเกษตรกรอีกร้อยละ 0.50 บาท/ปี ตามมาตรการนี้จะมีลูกค้า ธ.ก.ส.ในจังหวัดนครพนม ได้รับประโยชน์จำนวน 38,838 ราย แต่ลูกค้าที่มีต้นเงินเกิน 300,000 บาท ธนาคารยังคงคิดดอกเบี้ยในอัตราปกติ
ข่าวน่าสนใจ:
โครงการที่สอง จะขยายเวลาพักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรลูกค้า ธ.ก.ส. เป็นระยะเวลา 3 ปี เริ่มตั้งแต่ 1 ส.ค.61-31 ก.ค.64 เป็นโครงการที่ต้องการดูแลเกษตรกร ได้มีโอกาสฟื้นฟูพัฒนาและเพิ่มศักยภาพ การผลิต การประกอบอาชีพอย่างเหมาะสม แม้จะพักชำระหนี้แล้ว ลูกค้ายังคงต้องชำระดอกเบี้ยทุกปีตามอัตราที่กำหนด เพราะเป็นโครงการพักชำระหนี้ไม่ใช่พักชำระดอกเบี้ย ซึ่งในส่วนนี้มีเกษตรกรลูกค้าจะได้รับประโยชน์ประมาณ 48,939 ราย รวมเงินต้น 10,519 ล้านบาท
นายสุกิตติ์ฯกล่าวเพิ่มเติมว่า ธ.ก.ส.ในจังหวัดนครพนม มีสาขาทั้งหมด 14 สาขา ประกอบด้วยสาขาอำเภอ 11 แห่ง สาขาย่อยอีก 3 แห่ง มีลูกค้าที่ใช้บริการสินเชื่อ 48,939 ราย วงเงินสินเชื่อทั้งสิ้น 10,519 ล้านบาท มีลูกค้าฝากเงินรวม 428,865 บัญชี ยอดเงินฝาก 7,591 ล้านบาท และในระหว่างพักชำระหนี้ 3 ปี ทางธนาคารได้เตรียมมาตรการต่างๆไว้สนับสนุนให้กับเกษตรกร สามารถยกระดับรายได้ฟื้นฟูอาชีพของตนเองได้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นสินเชื่อเพื่อเพิ่มศักยภาพการประกอบอาชีพ โดยสามารถยื่นเรื่องขอกู้ได้แม้จะอยู่ในระหว่างพักชำระหนี้ก็ตาม เพื่อนำเงินไปเป็นค่าใช้จ่ายหรือลงทุนในอัตราดอกเบี้ย ในปีที่หนึ่งร้อย 5 บาท/ปี ปีถัดไปคิดดอกเบี้ยตามปกติ หรือสินเชื่อเพื่อพัฒนาอาชีพ ดอกเบี้ยนั้น 0 % เป็นเวลา 6 เดือน หลังจากนั้นคิดตามปกติ
“มาตรการลดภาระหนี้เพื่อสนับสนุนการปฏิรูปภาคการเกษตรตามแนวทางเกษตรประชารัฐ ลูกค้า ธ.ก.ส.จะได้ประโยชน์นอกจากลดอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 3 บาท/ปี หรือพักหนี้ยาวถึง 3 ปีแล้ว ลูกค้ายังจะได้รับการปรับปรุงโครงสร้างหนี้ในรายที่มีภาระหนัก โดยปรับปรุงงวดชำระให้สัมพันธ์กับที่มาแห่งรายได้อย่างเหมาะสม และลูกค้าจะได้รับการฟื้นฟูส่งเสริมการประกอบอาชีพจากส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรฯ มีโอกาสนำเงินไปลงทุนด้านอาชีพได้อย่างต่อเนื่อง และยังได้รับการส่งเสริมด้านการออมและสร้างภูมิคุ้มกันทางการเงินอีกด้วย” นายสุกิตติ์กล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: