นครพนม – “หญิงหน่อย” ลุยนครพนม เยี่ยมชมธนาคารน้ำใต้ดิน ซัดรัฐบาลแจกเงินเจ้าสัวผ่านมือคนจน
วันที่ 7 มีนาคม 2563 เวลา 10.00 น. คุณหญิง สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นางมนพร เจริญศรี นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม เขต 3 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม เขต 4 พรรคเพื่อไทย และ นายชาตรี จันทร์วีระชัย รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เดินทางไปยังหอประชุมองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้ง(อบต.บ้านผึ้ง) อ.เมือง จ.นครพนม เพื่อตรวจเยี่ยมโครงการธนาคารน้ำใต้ดิน โดยมี ด.ต.พิทักษ์ ต่อยอด นายก อบต.บ้านผึ้ง เป็นผู้บรรยายเกี่ยวกับโครงการดังกล่าว
ด.ต.พิทักษ์ฯกล่าวว่า จากพระราชดำรัสเรื่องน้ำของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งมีหลักสำคัญว่าต้องมีน้ำบริโภค น้ำใช้ น้ำเพื่อการเพาะปลูก เพราะว่าชีวิตอยู่ที่นั่น ถ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ ไม่มีไฟฟ้าคนอยู่ได้ แต่ถ้ามีไฟฟ้าไม่มีน้ำคนอยู่ไม่ได้ และในทุกๆ ปีประชาชนในพื้นที่ต้องประสบกับปัญหาภัยแล้ง มีน้ำไม่เพียงพอต่อการอุปโภค บริโภค รวมถึงการเกษตร อีกทั้งน้ำบาดาลก็เป็นสนิมและเค็ม เป็นน้ำกร่อย จึงได้นำเอาปัญหาดังกล่าวมาหาทางแก้ไข และก็ได้ไปพบศาสตร์ของเจ้าคุณสมาน สิริปัญโญ เจ้าอาวาสวัดอาฮงศิลาวาส ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ จึงได้มีการศึกษาและนำเอาองค์ความรู้นี้มาใช้ในตำบลบ้านผึ้ง ซึ่งหลักการในการสร้างธนาคารน้ำใต้ดิน ก็คือการเติมน้ำลงไปในดินเพราะทุกวันนี้เรามีแต่ถอนอย่างเดียวไม่มีการฝากจึงทำให้น้ำมีไม่พอใช้
ซึ่งจากการศึกษาพบว่าน้ำในพื้นที่จะถูกแรงเหวี่ยงของโลกพาเอาน้ำไหลลงสู่แม่น้ำโขงเร็วมาก ทำให้น้ำบนดินในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายนแทบจะไม่มีน้ำใช้ แต่น้ำใต้ดินมีความสำคัญและใช้ไม่หมดถ้ามีการเติมน้ำลงไป ดังนั้น อบต.บ้านผึ้ง จึงได้มีการขุดบ่อ เพื่อดักน้ำไม่ให้น้ำไหลลงสู่แม่น้ำโขงเร็วเหมือนเดิม และเป็นการเติมน้ำลงพื้นดินในพื้นที่อีก โดยเบื้องต้นได้มีการนำร่องทำธนาคารน้ำใต้ดิน จำนวน 15 บ่อครอบคลุมพื้นที่ 23 หมู่บ้านในตำบลบ้านผึ้ง ขนาดโดยเฉลี่ยอยู่ที่ กว้าง 25 เมตร ยาว 40 เมตร ส่วนความลึกจะอยู่ที่ 7 เมตร เพื่อให้ทะลุผ่านชั้นดินเหนียวไปที่ชั้นหินอุ้มน้ำซึ่งเป็นเหมือนสำลี ขณะที่ชั้นต่อไปของดินจะมีลักษณะเป็นโพรงทำให้เราสามารถกักเก็บน้ำไว้ได้จำนวนมาก เป็นเหมือนการฝากน้ำกับธนาคารใต้ดิน ส่วนน้ำที่ได้ก็สังเกตง่ายๆจากการผุดขึ้นมาของน้ำจะเป็นสีเขียวมรกต เป็นน้ำสะอาดดื่มได้ โดยบ่อที่ขุดนั้นจะอยู่ใกล้กับคลองระบายน้ำตามหมู่บ้านทำให้เมื่อถึงเวลาทุกคนสามารถนำน้ำจากธนาคารแห่งนี้ไปใช้ได้ทันที
ข่าวน่าสนใจ:
- สอ.สามัญศึกษาเพชรบูรณ์ประชุมใหญ่ โชว์กำไร 52 ล้าน พร้อมเลือกตั้งกรรมการและผู้ตรวจสอบกิจการ
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
- ระทึก ไฟไหม้โรงงานผลิตกล่องโฟมใส่อาหารหวิดวอดหมดหลัง
- คอกาแฟแห่เที่ยวงานพังงาคอฟฟี่เจอร์นี่ ซีซั่น 3 ภายใต้รูปแบบที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม Coffee in the Park ในสวนสมเด็จฯพังงา
ด้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย หลังเยี่ยมชมโครงการธนาคารน้ำใต้ดินแล้ว ได้ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนกรณีรัฐบาลอัดแคมเปญแจกเงินแสนล้าน ว่า รัฐบาลกำลังเจอปัญหาวิกฤตภัยแล้งและไข้หวัดโควิด-19 การแจกเงินอย่างที่รัฐบาลพยายามจะทำ ใช้เงินแสนล้านแจกรายครัวเรือน ไม่ทราบว่าจะมีวิธีแจกอย่างไร ถ้าแจกผ่านระบบพร้อมเพย์ (PromptPay) ตนยังไม่ทราบรายละเอียด จึงยังไม่ขอวิจารณ์ ขอตั้งข้อสังเกตไว้ก่อน
“พรรคเพื่อไทยที่โดนโจมตีตลอดว่าประชานิยม แต่ไม่เคยที่จะแจกเงินฟรีๆ เงินทุกบาทที่ลงไปให้ประชาชนในชุมชนหมู่บ้าน ล้วนเป็นการลงไปสร้างรายได้สร้างทรัพย์สิน หน้าแล้งตนมาดูงานธนาคารน้ำใต้ดิน เรายังให้เงินลงไปถึงหัวไร่ปลายนา ระบบน้ำใต้ดินลงทุนต่ำ แต่การให้เงินคือให้เงินไปเพื่อขุดบ่อพื้นที่หัวไร่ปลายนา ทำให้หน้าแล้งมีน้ำใช้ ประชาชนรู้สึกว่ามีคุณค่า” คุณหญิงสุดารัตน์ ระบุ
ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาจ่ายผ่านบัตรโน้นบัตรนี่ ท้ายสุดต้องไปรูด รูดเอาเงินไปคืนนายทุนใหญ่หมด มันไม่ใช่การกระตุ้นเศรษฐกิจที่แท้จริง ต้องลงไปในชุมชน แล้วให้เกิดการหมุนเวียน ไม่ใช่หมุนเวียนขึ้นข้างบน ต้องหมุนเวียนลงระดับชุมชน นี้คือสิ่งที่ชาวบ้านที่ต้องกระจายรายได้ กระจายกำลังซื้อลงมาในท้องถิ่น
คิดง่ายๆเรื่องของการแจกเงิน แจกแล้วผ่านบัตรอะไร คุณยายไม่สามารถใช้พร้อมเพย์ได้ ถ้าใช้นโยบายเดียวกันเห็นว่ามีความจำเป็นที่จะแจกจ่ายเงินในครัวเรือนสู่ชุมชน อย่างที่บอกต้องกระจายให้ครบหัวไร่ปลายนา ไม่ใช่ว่าจะอยู่ของเขาคนเดียว การจ้างงานมันคือการกระจายงานสู่ชุมชน นี่คือเป็นข้อติติง คิดจะแจกเงินง่ายๆ แจกเงินชุ่ยๆ มันไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจ
หากแจกวิธีเดิมๆคือหมุนข้างล่างไปด้านบน ยิ่งไม่เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจเลย และมีข้อสังเกตว่าขนาดนี้ประชาชนเป็นหนี้อยู่ พอจ่ายไปแล้วก้อนแรกที่ต้องใช้ คือต้องไปใช้หนี้ ถ้าเอาไปใช้หนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจไม่ได้เลย สมมุติว่าจะแจกจริงๆ ให้เอาตัวอย่าง อบต.ฯ แต่ต้องให้มีแหล่งน้ำของครอบครัวอยู่ตามหัวไร่ปลายนา ให้เขาไปใช้เงินแบบนี้จะกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่า
เมื่อถามว่า การแจกเงินไม่สร้างการผลิต แต่แจกโดยตรงสุดท้ายจะนำไปสู่วิกฤตทางเศรษฐกิจ คุณหญิงสุดารัตน์ กล่าวว่า “จริงๆแล้วเห็นมาหลายปี เขาก็แจกมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่เป็นรัฐบาล ปีนี้ก็เข้าสู่ 3-4 ปีแล้ว ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่าการแจกไม่ได้มองถึงผลของการที่จะเกิดการใช้จ่าย การกระตุ้นเศรษฐกิจในพื้นล่างและรากฐานได้จริงๆ มองแต่ว่าอาจจะแจกเพื่อคะแนนนิยม แล้วขึ้นไหลไปอยู่ข้างบน มันไม่สามารถแก้ไขเศรษฐกิจได้ ถ้าแก้ไขได้ 2-3 ปีมานี้ เราจะไม่วิกฤตแบบนี้ ดังนั้นวิธีเดิมใช้ไม่ได้ เห็นด้วยต้องกระจายเงินมาที่ครัวเรือนและชุมชน แต่วิธีการกระจายต้องให้หมุนเวียนในชุมชนได้ อย่างที่บอกเงินก้อนแรกจะต้องไปส่งเจ้าหนี้ก็จบล่ะW
ต่อข้อซักถาม รัฐบาลจะแจกเงินแสนล้าน อ้างว่าสู้โควิค-19 กลับมาระดมเงินขอรับบริจาคเองมองอย่างไร คุณหญิงสุดารัตน์กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ค่อนข้างย้อนแยง จะว่าตลกก็ได้ ทุกครั้งที่มีวิกฤตเช่นน้ำท่วม โควิด 19 ไม่เข้าใจว่าจะมาขอรับบริจาคเพื่ออะไร น้ำท่วมคนไปบริจาคเยอะอยากจะช่วยพี่น้อง ยังไม่ทราบว่าในบัญชีเงินเหลือเท่าไหร่ ส่วนโควิด 19 รัฐบาลรับบริจาค มันไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เลย สู้ไปบริหารงบให้ดีจะได้กระตุ้นเศรษฐกิจ
“ตราบใดมาตรการรัฐยังสับสนไม่เด็ดขาด ยังไม่สร้างความมั่นใจให้กับพี่น้องคนไทยด้วยกันว่ารัฐจะเป็นที่พึ่งการป้องกันโรคโควิด-19 หรือจัดหาเครื่องป้องกันให้กับประชาชนอย่างเพียงพอ เช่นหน้ากากอนามัย แอลกอฮอล์ ได้แล้ว ยิ่งทำให้เศรษฐกิจแย่ลงอีก การไม่บอกข้อมูลทั้งหมดให้ประชาชน ไม่มีมาตรการที่มาตรฐานและไม่สับสนมันจะซ้ำเติมเศรษฐกิจ”
หรือกรณีมีข่าวลือว่าแรงงานเกาหลีใต้พวกผีน้อย กลับไปบ้านเกิด แล้วไปโน้นไปนี่ หยิบไอ้นั้น ปรากฏว่าคนไม่กล้าออกจากบ้าน ไปเดินห้างไปกินข้าวไปตลาด มีข่าวลือว่าแรงงานไปตรงนั้นตรงนี้ ไม่ได้ถูกกักตัวเฝ้าสังเกตอาการจริง แต่ถ้ารัฐบาลมีมาตรการชัดเจนเฉียบขาด เกิดความมั่นใจ เช่นไปกินร้านหมูกระทะ เอาหน่วยงานของรัฐเข้าไปสกรีน ประกาศให้ความมั่นใจว่าเป็นที่ปลอดภัย คนก็จะกลับไปกิน วันนี้มันคลุมเครือคนไม่กล้าไปไหนเลยยิ่งซ้ำเติม เรื่องโควิดตนจะให้สัมภาษณ์มาตรการอีกครั้ง ถ้าไม่มีมาตรการแข็งแรง สร้างความมั่นใจ จะยิ่งซ้ำเติมเศรษฐกิจ
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: