นครพนม – ศพโผล่แล้ว!! พรานเบ็ดหนุ่มวัยรุ่น แม่น้ำโขงกลืนร่าง 2 วัน ลอยอืดติดตลิ่ง แฟนสาวร่ำไห้ปริ่มจะขาดใจ
วันที่ 1 เมษายน 2563 เวลา 07.00 น. พ.ต.ท.กฤษดา สุวรรณกูล สารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีคนพบศพลอยน้ำมาติดบริเวณริมตลิ่งแม่น้ำโขง หลังศูนย์วิจัยพันธุ์พืชฯติดกับหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(นรข.) จึงพร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.นครพนม เจ้าหน้าที่กู้ภัยศรีสัตตนครพนม กู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนม กู้ภัยลำโขงเฟรนด์ชิฟ และกู้ภัยนครพนม รุดไปตรวจสอบ
ข่าวน่าสนใจ:
ศพดังกล่าวเป็นชายลอยอืดนอนคว่ำหน้า สภาพสวมเสื้อแขนยาวสีขาว กางเกงบ๊อกเซอร์ลายดอก ซึ่งทราบต่อมาว่าคือร่างของนายชินวัตร กีกาศ หรือชินจัง อายุ 18 ปี ราษฎรชุมชนบ้านกกต้อง เขตเทศบาลเมืองนครพนม ที่จมน้ำหายไปเมื่อเวลา 17.00 น. ของวันที่ 30 มีนาคม ที่ผ่านมา บริเวณริมตลิ่งพบ น.ส.ขวัญฤทัย พลโลม อายุ 19 ปี แฟนสาวนายชินวัตรยืนร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ ญาติๆต้องเข้าช่วยกันปลอบประโลม จากการชันสูตรพลิกศพ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือถูกทำร้าย แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการตาย เจ้าหน้าที่จึงมอบศพให้นำไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณีต่อไป
จากเหตุการณ์ดังกล่าว เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2563 ร.ต.อ.คงฤทธิ์ พลศรี รอง สว.(สอบสวน) สภ.เมืองนครพนม รับแจ้งมีเหตุคนตกเรือจมน้ำร่างสูญหาย บริเวณริมฝั่งแม่น้ำโขงด้านหลังโรงน้ำแข็งวารี ติดกับโรงแรมบลู ชุมชนวัดทุ่งประชานารถ บ้านท่าควาย เขตเทศบาลเมืองนครพนม จึงประสานชุดปฏิบัติการจู่โจมทำลายใต้น้ำ นรข. และเจ้าหน้าที่กู้ชีพ กู้ภัย ร่วมกันค้นหาศพแต่เวลาพลบค่ำก่อน จึงยุติการค้นหาชั่วคราว และดำน้ำหาร่างของน้องชินจังในวันที่ 31 มีนาคม อีกครั้งก็ยังไร้วี่แวว กระทั่งวันที่ 1 เมษายน ร่างได้ลอยอืดขึ้นมาที่ริมตลิ่งหลังศูนย์วิจัยพันธุ์พืชนครพนม ห่างจากจุดตกน้ำประมาณ 500 เมตร
นายอุทัย จันดีแก้ว อายุ 38 ปี ทำงานเป็นพนักงานทั่วไป รพ.นครพนม บิดาของน้องชินจังเปิดเผยว่า ตนได้แยกทางกับภรรยาตั้งแต่ลูกชายยังเล็กๆ จึงอยู่ในความดูแลของยายจากน้อยจนใหญ่ ลูกชายมีนิสัยชอบตกเบ็ด และมักจะพายเรือมานั่งตกเบ็ดอยู่ในแม่น้ำโขงเป็นประจำ
วันเกิดเหตุลูกชายออกมาตกเบ็ดตั้งแต่เที่ยงของวันที่ 30 มีนาคม ด้วยการถ่วงทุ่นหินลอยเรืออยู่ห่างจากริมฝั่งแม่น้ำโขงประมาณ 10 เมตร โดยผู้เห็นเหตุการณ์ที่ทำงานเป็นช่างก่อสร้างเล่าให้ฟังว่า ระหว่างผู้ตายนั่งอยู่ในเรือ ได้ใช้เบ็ดฝรั่งตกปลาจำนวน 2 คัน เป็นอุปกรณ์หาปลา ขณะนั้นมีเบ็ดคันหนึ่งพลัดตกน้ำ ผู้ตายจึงกระโดดลงไปกู้เบ็ดดังกล่าวคืน ขณะกำลังว่ายกลับเรืออาจจะเกิดตะคริวทำให้ร่างจมน้ำหายไปต่อหน้าต่อตาผู้เห็นเหตุการณ์หลายคน แต่ไม่มีใครลงไปช่วยเหลือชีวิตได้ เพราะอยู่ห่างกันหลายร้อยเมตร และทำงานอยู่บนตึกสูง จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ตลอดจนศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการ 1669 ลงดำน้ำค้นหาร่างผู้สูญหาย แต่สภาพพื้นใต้แม่น้ำโขง มีความลดหลั่นไม่เรียบเหมือนแม่น้ำทั่วไป และยังมีซอกหินอยู่ใต้น้ำอีกจำนวนมาก จึงเป็นอุปสรรคต่อการค้นหาเสมอ กระทั่งศพลอยอืดขึ้นมาเองดังกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: