นครพนม – “ขมิ้นกับปูน” พ่อเลี้ยงแค้นสะสม ฆ่าโหดสองแม่ลูกสยอง อ้างถูกยึดที่ดินและไล่ออกจากบ้าน พยานยันไม่ถูกกันตั้งแต่แรกพบ
กรณี นายเวช บับพาน อายุ 65 ปี พื้นเพเป็นชาวอำเภอคำตากล้า จังหวัดสกลนคร ใช้มีดพร้าฟันคอนางจิต บับพาน อายุ 68 ปี ผู้เป็นภรรยา และ นายจันทยากร มีบาง อายุ 41 ปี ลูกเลี้ยง เสียชีวิตอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 127 หมู่ 6 บ้านนาคูณน้อย ต.นาคูณใหญ่ อ.นาหว้า จ.นครพนม ก่อนจะขับรถ จยย.พ่วงข้าง ไปมอบตัวกับ ร.ต.อ.สัตยา คำวงษา รอง สว.(สอบสวน) สภ.นาหว้า เหตุเกิดเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. ของวันที่ 2 เมษายน 2563 ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
คืบหน้า วันที่ 3 เมษายน 2563 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ดังกล่าว ตั้งอยู่หน้าโรงเรียนบ้านนาคูณน้อยหนองหัววัว พบว่าสองโลงศพสองแม่ลูกถูกญาตินำมาตั้งเคียงกันที่บ้านหลังใหม่ ที่ปลุกติดกับบ้านหลังที่เกิดเหตุ มีชาวบ้านมาร่วมงานศพจำนวนมาก โดยมีนายนาครินทร์ มีบาง อายุ 16 ปี ลูกชายของนายจันทยากร เล่าเหตุการณ์สยองขวัญครั้งนี้ ว่า ก่อนเกิดเหตุนายเวชผู้มีศักดิ์เป็นปู่ นั่งอยู่ใต้ถุนบ้านหลังเก่า ถกเถียงกับพ่อที่นั่งอยู่ในเพิงหน้าบ้าน ห่างกันประมาณ 10 กว่าเมตร ขณะที่ย่าคือนางจิตนั่งอยู่ในบ้านหลังใหม่ ส่วนตนกำลังอาบน้ำอยู่ในห้องน้ำหลังบ้าน
ต่อมานายเวชได้เดินไปปิดไฟใต้ถุนบ้าน คว้ามีดพร้าที่วางอยู่ข้างเสา เดินเข้าไปฟันพ่อที่นั่งหันข้างให้ เมื่อพ่อหันมาเห็นจึงยกแขนบังจึงถูกฟันจนแขนขาด จากนั้นนายเวชก็ฟันซ้ำอีกหลายที จนพ่อแน่นิ่งเลือดสาดเต็มพื้น ด้านนางจิตเห็นลูกชายถูกสามีฟันก็ออกมาช่วย แหละมาเห็นตนยืนดูเหตุการณ์อยู่จึงร้องตะโกนว่าหนีไป จังหวะเดียวกับที่นายเวชเงื้อมีดพร้าฟันเข้าที่ต้นคอย่าล้มฟุบอยู่กับพื้นดิน แล้วหันมาจะวิ่งมาฟันตนอีก จึงร้องตะโกนขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้าน ซึ่งต่อมานายเวชผู้เป็นปู่ก็กลับมาฟันย่าซ้ำจนสิ้นใจคาที่ แล้วโยนมีดพร้าใส่รถ จยย.พ่วงข้าง ยี่ห้อซูซูกิ สีแดง รุ่น REVO ทะเบียน ขคง 392 สกลนคร สตาร์ทเครื่องใส่เกียร์เหยียบศพย่าซ้ำอีกครั้ง ไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจดังกล่าว
ส่วนสาเหตุที่นายเวชฆ่าอย่างโหดเหี้ยมครั้งนี้ นายนาครินทร์หรือน้องเอ เปิดเผยว่าย่าเคยเล่าให้ฟังถึงเรื่องนายเวชต้องการจะได้ที่ดิน จำนวน 4 ไร่ เพราะจะนำไปขายแล้วจะกลับไปอยู่บ้านเกิดที่อำเภอคำตากล้า ย่าจึงจะเก็บไว้ให้พ่อสำหรับทำกินเลี้ยงครอบครัว อาจจะทำให้นายเวชไม่พอใจ จึงตัดสินใจฆ่าดังกล่าว
ทางด้าน พ.ต.อ.กิตติพงษ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า เปิดเผยว่านายเวชผู้ต้องหา หลังจากไปมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน ว่า มีความเก็บกดมานานหลายปี เนื่องจากไม่ค่อยกินเส้นกับนายจันทยากรลูกเลี้ยง แม้จะเลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ กระทั่งจบชั้น ม.3 ตลอดเวลาจะพูดขับไล่ให้หนีไปอยู่ที่อื่น บางครั้งก็แช่งให้ตาย จนถึงจุดแตกหักจึงก่อเหตุสลดดังกล่าว
ขณะที่ นายไสว ลำมะสาด กำนันตำบลนาคูณใหญ่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นายเวชแต่งงานอยู่กินกับนางจิตมานานหลายปี จนมีลูกสาวอายุ 28 ปี 1 คน ปัจจุบันทำงานอยู่ที่พัทยา จังหวัดชลบุรี ก่อนหน้าทั้งคู่เคยเลิกรากันมาพักหนึ่ง และหวนมาคืนดีกันอีกครั้งเมื่อประมาณปี 2554 ด้วยนิสัยของนายเวชเป็นคนต่างถิ่นที่ไม่ยอมสุงสิงกับเพื่อนบ้าน จึงไม่มีใครรู้ถึงปัญหาที่มีอยู่ในครอบครัวนี้ หากได้พูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้สึกกัน อาจจะไม่เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ก็ได้
นายไสวฯกล่าวต่อว่า เรื่องที่อ้างพิพาทเกี่ยวกับที่ดินนั้น ไม่น่าจะเป็นเหตุจูงใจให้นายเวชฆ่าสองแม่ลูก อาจจะเกิดจากแรงกดดันระหว่างผู้ต้องหากับลูกเลี้ยงมากกว่า ทั้งคู่เหมือนขมิ้นกับปูนมาโดยตลอด
เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 2 เมษายน 2563 ร.ต.อ.สัตยา คำวงษา รองสารวัตรสอบสวน สภ.นาหว้า รับแจ้งว่ามีเหตุทำร้ายร่างกายกัน มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บริเวณบ้านเลขที่ 127 หมู่ 6 บ้านนาคูณน้อย ต.นาคูณใหญ่ จึงรายงานไปยัง พ.ต.อ.กิตติพงษ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า พร้อมประสานงานร่วมกับ ตำรวจชุดสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลอำเภอนาหว้า และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง ร่วมตรวจสอบ ชันสูตรศพ โดยที่เกิดเหตุบริเวณหน้าบ้านไม้ชั้นเดียวยกพื้นสูง พบศพผู้เสียชีวิต 2 ราย ถูกฟันด้วยของมีคมจมกองเลือด รายแรกทราบชื่อ นางจิต บับพาน อายุ 68 ปี เจ้าของบ้าน นอนคว่ำหน้าอยู่กลางลานกว้าง มีบาดแผลถูกฟันด้วยของมีคมเป็นแผลฉกรรจ์ บริเวณลำคอ รวมถึงร่างกายหลายจุด อีกรายเป็นบุตรชายคือ นายจันทยากร มีบาง อายุ 41 ปี สภาพศพนอนคว่ำหน้า ซึ่งลักษณะคล้ายกระเสือกกระสนหนีเอาชีวิตรอด มีแผลถูกฟันด้วยของมีคม บริเวณต้นคอหวิดขาด รวมถึงใบหน้า ลำตัวหลายจุด ส่วนมือขวาถูกฟันขาดตรงข้อมือ กระเด็นตกห่างจากศพประมาณ 1 เมตรเลือดนองเต็มพื้น ส่วนหลานชายคือนายนาครินทร์ มีบาง อายุ 16 ปี ได้วิ่งหนีทั้งผ้าเช็ดตัวเพื่อเอาชีวิตรอด ยังอยู่ในที่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่จึงตรวจสอบเก็บหลักฐาน
เบื้องต้น พ.ต.อ.กิตติพงษ์ พันธ์ศรี ผกก.สภ.นาหว้า พร้อมด้วย ตำรวจชุดสืบสวน ได้เข้าไปสอบสวนหาสาเหตุ จนกระทั่งทราบว่าผู้ก่อเหตุ คือนายเวช บับพาน อายุ 65 ปี สามีของ นางจิต บับพาน เป็น ชาว อ.คำตากล้า จ.สกลนคร หลังเกิดเหตุได้ขับรถจักรยานยนต์ซาเล้ง ไปติดต่อขอมอบตัว ที่ สภ.นาหว้า จ.นครพนม พร้อมนำอาวุธมีดตะขอยาวประมาณ 1 เมตร ที่ใช้ก่อเหตุ ติดตัวมาด้วย ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้คุมตัว ไว้ทำการสอบสวน ดำเนินคดีตามกฎหมายแล้ว
นายเวช บับพาน ให้การสารภาพเบื้องต้นว่า ตนได้มาแต่งงานใหม่ อยู่กินกับภรรยา คือ นางจิต บับพาน ตั้งแต่ประมาณปี 2532 โดยนางจิต มีลูกติด 1 คน คือ นายจันทยากร มีบาง อายุ 41 ปี ทำอาชีพทำไร่ ทำนา เลี้ยงโคกระบือ หารายได้จุนเจือครอบครัวมาตลอด ซึ่งช่วงที่มาอยู่กินกับภรรยา ตอนนั้นลูกเลี้ยงมีอายุประมาณ 9 ขวบ จากนั้นพอโตเป็นวัยรุ่น ได้ไปทำงานที่กรุงเทพ แต่งงานมีลูกชาย 1 คน จึงเอาหลานมาให้เลี้ยง ตั้งแต่ ประมาณ 7 -8 เดือน จนกระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา ลูกเลี้ยงได้กลับมาทำงานที่บ้าน ช่วยเหลือครอบครัวทำเกษตร ส่วนภรรยายังทำงานที่กรุงเทพ เพราะอยากมาดูแล แม่และลูกชาย ที่เคยเอามาให้เลี้ยง
ก่อนนี้ไม่มีปัญหากันมาก่อน แต่ภายหลังตนนำเงินที่สะสมมา จากการทำอาชีพเกษตร ไปซื้อที่นาจำนวน 4 ไร่ เมื่อปีที่แล้ว ในราคา 1.2 แสนบาท เพื่อหวังเก็บมาเป็นมรดกไว้ให้ทำกิน สุดท้ายเกิดปัญหา หลังจาก ภรรยาและลูกเลี้ยง ขอให้ตนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน ให้เป็นชื่อของลูกเลี้ยง ถึงแม้ตนไม่พอใจแต่ก็ยินยอม ไม่อยากมีปัญหา พอหลังจากโอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน 4 ไร่ให้ กลายเป็นปมขัดแย้งในครอบครัว เพราะลูกเลี้ยงกับภรรยา เริ่มมีปัญหา เนื่องจากลูกเลี้ยงพยายามจะขับไล่ตนออกจากบ้านไม่อยากให้อยู่ ดุด่า กล่าวหาว่าสร้างปัญหาสารพัด แต่ตนอดทนมาตลอด จนกระทั่งก่อนนี้ ลูกเลี้ยงได้ไล่ตนออกจากบ้านให้กลับไปอยู่บ้านเกิดที่สกลนคร ทำให้ตนเก็บกดมาตลอด
นายเวช สารภาพต่ออีกว่า จนกระทั่งช่วงเกิดเหตุ หลังกลับมาจากทำนา ลูกเลี้ยงพยายามพูดจาถากถาง เสียดสี ว่า ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ตนจะตายเสียที หรือไม่ยอมหนีออกจากบ้านสักที ทำให้ตนสุดทนโมโหสุดขีด ทั้งที่ทำงานเก็บเงินด้วยน้ำพักน้ำแรง จนซื้อที่ไว้ให้ 1.2 แสนบาท ซ้ำร้ายยังยอมโอนกรรมสิทธิ์ให้ไปเรียบร้อย แต่ยังมาขับไสไล่ส่ง จนเกิดอารมณ์ชั่ววูบ ตัดสินใจคว้ามีดตะขอ เดินเข้าไปฟันลูกเลี้ยงไม่ยั้ง หวังฆ่าให้ตายจะได้จบปัญหา ช่วงเกิดเหตุภรรยาได้เดินเข้ามา ตนคิดว่าเขาจะเอาอาวุธมาช่วยลูกชาย จึงตัดสินใจฟันไม่ยั้งจนนอนแน่นิ่ง พอตั้งสติได้ก็พบว่าทั้งสองเสียชีวิตหมดแล้ว จึงตัดสินใจขับรถจักรยานยนต์ซาเล้ง พร้อมเอาอาวุธมีดติดตัวไป มอบตัวกับตำรวจ เพราะยอมรับทำไปเพื่อจบปัญหา และขอชดใช้กรรมในคุก รับไม่ได้กับปัญหาครอบครัว ส่วนหลานชาย อายุ 16 ปี ที่รอดชีวิตยอมรับรักมากเพราะเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ไม่เคยคิดจะฆ่า ตั้งใจจะฆ่าแค่ภรรยากับลูกเลี้ยงเพื่อจบปัญหาเท่านั้น
โดยขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังคงควบคุมตัวนายเวช ไว้ที่ สภ.นาหว้า เพื่อทำการสอบสวนและทำแผนประกอบคำรับสารภาพ และจะนำตัวไปฝากขังต่อศาลจังหวัดนครพนมในวันพรุ่งนี้ต่อไป
