นครพนม – เมื่อวันที่ 6 ก.ย.61 ที่จังหวัดนครพนม นายภาคิน มุทาไร หุ้นส่วนผู้จัดการ นครพนม ป.เจริญการช่าง ผู้รับจ้างสร้างอาคารเรียนโรงเรียนบ้านดงต้อง (ดงขวางราษฎร์บำรุง) ต.ดงขวาง อ.เมือง จ.นครพนม ร้องเรียนศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดนครพนม ป.ป.ช.จังหวัด และ สำนักงานตรวจเงินแผ่นดินจังหวัดนครพนม (สตง.) โดยอ้างว่า ถูกคณะกรรมการตรวจการจ้างโรงเรียนดังกล่าวระงับการก่อสร้างอาคารเรียนมาเกือบ 6 เดือนแล้ว เกรงว่าอาจจะถูกทางโรงเรียนกลั่นแกล้ง สร้างเงื่อนไข อีกทั้งนายช่างที่ควบคุมงานก่อสร้างอาคารมีการปฏิบัติงาน 2 มาตรฐาน และประพฤติมิชอบในการใช้อำนาจสั่งหยุดการโดยพลการหรือไม่ ขอให้มีการตรวจสอบด้วย
นายภาคิน กล่าวว่า ทางห้างฯซึ่งเป็นผู้รับจ้าง ได้ประมูลงานก่อสร้างอาคารเรียนโรงเรียนแห่งนี้ เป็นอาคารเรียนแบบ สปช.105/29 เป็นอาคาร 2 ชั้น 4 ห้องเรียน ชั้นล่างโล่ง ในงบประมาณการก่อสร้างจำนวน 3,075,000 บาท ตามแบบของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน( สพฐ.) มีโรงเรียนแห่งนี้เป็นผู้ว่าจ้าง โดยได้ทำสัญญาจ้าง เมื่อวันที่ 4 ม.ค.2561 สิ้นสุดสัญญาจ้างในวันที่ 2 ก.ย.2561 หลังการก่อสร้างดำเนินการคืบหน้าไปได้ 40 เปอร์เซ็นต์ กระทั่งเมื่อวันที่ 16 มี.ค.2561 ทางโรงเรียนแห่งนี้ได้มีหนังสือถึงห้างฯแจ้งให้หยุดปฏิบัติงานก่อสร้าง โดยอ้างว่าโครงสร้างของอาคารไม่ได้มาตรฐาน มีรอยร้าวหลายจุด หากก่อสร้างดำเนินไปอาจจะก่อให้เกิดอันตราย ขึ้นได้
นายภาคิน กล่าวต่อว่า ต่อมาทาง สพฐ.ต้นสังกัดของโรงเรียนดังกล่าว ได้นำวิศวกรมาตรวจสอบ และแจ้งให้ห้างทราบว่าหากจะดำเนินการสร้างต่อไป ผู้รับจ้างจะต้องมีวิศวกรสามัญ เป็นผู้รับรองจึงจะสามารถดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้ ทำให้ห้างฯตนในฐานะผู้รับจ้าง ได้รับความเสียหาย และอาจถูกปรับหลังครบกำหนดสัญญาจ้างแล้ว เมื่อวันที่ 2 ก.ย.61 ที่ผ่านมา ซึ่งทางห้างฯอาจถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้รับเป็นธรรม ตนจึงได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้มีการตรวจสอบ หลังจากทางโรงเรียนสั่งหยุดการก่อสร้างทั้งหมด ซึ่งไม่เป็นไปตามสัญญาจ้าง จึงได้ร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมในครั้งนี้
ด้านนายยุทธชัย ไพรีรณ วิศวกรผู้ควบคุมการก่อสร้าง กล่าวว่า โรงเรียนบ้านดงต้องได้มีคำสั่งแต่งตั้งให้ตนผู้ควบคุมงานก่อสร้างอาคารเรียน ตามแบบ สปช.105/29 ต่อมาตนตรวจพบว่าการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐานหลายจุด หลังผู้รับจ้างเทพื้นชั้น 2 ตรงระเบียงทางเดิน และได้รื้อไม้แบบเร็วเกินไป ก่อนหน้านี้ตนแจ้งแล้วว่าเทพื้นเสร็จอย่าเพิ่งรื้อ รอ 2 สัปดาห์ค่อยรื้อ ปรากฏว่าหลังจากเทเพียง 2 วันผู้รับจ้างก็ได้รื้อถอดแบบออกแล้ว นอกจากนั้นทางคณะกรรมการตรวจการจ้างของโรงเรียนยังได้ตรวจพบรอยร้าว บริเวณเสา และคอเสาใต้คานหลายจุด ตนจึงแจ้งให้หยุดงานและเสนอคณะกรรมการตรวจการจ้างสั่งให้ผู้รับจ้างหยุดการเข้าดำเนินการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.2561 เป็นต้นมา เพราะตั้งแต่คุมงานมา 25 ปี ไม่เคยพบเห็นงานไหนจะอันตรายเท่างานนี้เลย
ด้านนายศุภลักษณ์ ศรีบุตตะ ผู้อำนวยการ โรงเรียนบ้านดงต้อง กล่าวชี้แจงว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจรับงานพบความผิดปกติ โดยพบว่าเสาคอนกรีตชั้น 2 จำนวน 7 ต้น ได้เสริมเหล็กเส้นแกนเสาจาก 6 เส้นตามแบบ ลดเหล็กเส้นเหลือ 4 เส้น จึงได้สั่งให้ทุบ และยังได้ตรวจพบรอยร้าวบริเวณคาน และเสาชั้นล่างเชื่อมคาน รวมทั้งโครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน เกรงว่าจะเกิดอันตรายแก่เด็กนักเรียน คณะกรรมการตรวจการจ้าง จึงทำหนังสือให้ผู้รับจ้างหยุดปฏิบัติงาน
ผอ.โรงเรียนบ้านดงต้อง กล่าวต่อว่า ทางห้างฯ ได้ทำหนังสือร้องเรียนไปยัง สพฐ. ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด ป.ป.ช. และ สตง.จังหวัด ว่าทางโรงเรียนและคณะกรรมการตรวจการจ้างกลั่นแกล้ง สั่งหยุดการก่อสร้าง จึงมีการประชุมร่วมกับผู้รับจ้างฯ และผู้ที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2561 ทางผู้รับจ้างได้ทราบมติที่ประชุมแล้ว ว่าให้ดำเนินการแก้ไข 3 ข้อตามมติที่ประชุม คือ 1. ผู้รับจ้างต้องเอาวิศวกรสามัญมารับรองโครงสร้างอาคารที่ก่อสร้างไปแล้ว จึงจะสามารถสร้างต่อไปได้ 2. เสาชั้น 2 ของอาคารพบแนวเสาไม่ตรงกับชั้นล่าง 4-5 ซ.ม. ขอให้แก้ไข และ 3. เสาชั้น 2 จำนวน 7 ต้น เสริมเหล็กไม่ครบตามแบบที่กำหนดให้ครบ 6 เส้น
ซึ่งทางห้างฯ ได้ดำเนินการแก้ไขเฉพาะข้อ 3 คือทุบทำลายเสาปูนคอนกรีตทิ้งแล้วเทหล่อใหม่ ส่วนข้อ 1 และข้อ 2 ตามมติที่ประชุมนั้น ทางห้างฯซึ่งเป็นผู้รับจ้างไม่ปฏิบัติตามมติที่ประชุม ตนเกรงว่าหากมีการก่อสร้างและแล้วเสร็จไปแล้ว เด็กนักเรียนตั้งแต่ระดับชั้น ป.3-ชั้น ป.6 กว่า 100 คน ที่จะต้องย้ายมาเรียนที่อาคารหลังใหม่แห่งนี้ อาจได้รับอันตรายได้ในอนาคต จึงได้สั่งให้ห้างฯ ทำการยุติการก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.2561 เป็นต้นมา ซึ่งตนก็ได้ทำหนังสือชี้แจงต้นสังกัด รวมทั้งศูนย์ดำรงธรรม ป.ป.ช. และ สตง.ไปแล้ว ยืนยันว่าตนได้คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตเด็กนักเรียนเป็นอันดับต้น ไม่ได้กลั่นแกล้งให้ผู้รับจ้างที่ร้องเรียนหลายหน่วยงาน ให้ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด
