นครพนม – วันที่ 19 ก.ย.61 เวลา 08.00 น. ร.ต.อ.จำรัส ศรีหาตา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ 191 ว่า มีคนผูกคอตายในคอกควาย หลังบ้านเลขที่ 76 หมู่ 5 บ้านอ่างคำ ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครพนม จึงประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างนาวาธาตุพนมจุดเมือง เดินทางไปที่เกิดเหตุพร้อมด้วย พ.ต.ต.ปิยะณัฐ ปะโสทะกัง สวป.ฯ และ นพ.วชิรวิทย์ ชาดวง แพทย์เวร รพ.นครพนม
บ้านหลังดังกล่าวอยู่ในซอยคุ้มสุขสบาย ชั้นล่างเป็นปูนชั้นบนเป็นไม้ ห่างจากหลังบ้านประมาณ 10 เมตร สร้างเป็นคอกควาย พบร่างผู้ตายเป็นชายทราบว่าชื่อ นายเจียง เพ็งคำภู อายุ 57 ปี เจ้าของบ้าน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขาสั้นสีกรมท่า ใส่รองเท้าบูทยางสีดำ ใช้ผ้าขะม้าลายสก๊อตฟั่นเป็นเกลียวผูกกับขื่อแขวนคอตัวเองใกล้กับรถไถนาเดินตาม สภาพลิ้นจุกปาก มือทั้งสองข้างกำแน่น เท้าแตะอยู่กับพื้น จึงนำร่างลงชันสูตรอย่างละเอียด ไม่มีร่องรอยการต่อสู้ สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้ว 4-6 ชั่วโมง ญาติไม่ติดใจในสาเหตุการตาย จึงมอบศพให้ไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี
สอบสวนเบื้องต้นนายอภิชาต หรือต๋อง เพ็งคำภู อายุ 36 ปี ลูกชายคนโตผู้พบศพคนแรก เล่าว่าอยู่ร่วมกันทั้งหมด 3 คน มีพ่อ ตนและน้องสาวคนเล็ก ส่วนแม่ไปทำงานเป็นผู้ดูแลเด็กเล็กใน กทม. นานๆจะกลับมาเยี่ยมบ้านครั้ง ปกติพ่อมีโรคประจำตัวคือความดันกับเบาหวาน โดยทุกวันตอนเช้าพ่อจะลุกจากที่นอนมานึ่งข้าวเตรียมไว้ให้ลูกๆกิน ก่อนพบศพเวลาประมาณ 06.00 น. ตนและน้องสาวตื่นมาทำกิจวัตรประจำวัน แต่ไม่เห็นพ่อนึ่งข้าวเหมือนทุกวัน จึงเปิดประตูข้างบ้านมองหา หันไปทางหลังบ้านก็ต้องตกใจสุดขีด เพราะพบร่างพ่อแขวนคออยู่กับขื่อ จึงร้องไห้มาบอกน้องสาวว่าพ่อฆ่าตัวตายอยู่ในคอกควาย
ขณะที่ น.ส.เขมิกา เพ็งคำภู อายุ 20 ปี ลูกสาวคนเล็กเล่าว่า ก่อนพ่อจะเป็นศพตอนเย็นของวันที่ 18 ก.ย. พ่อได้โทรศัพท์ไปหาแม่บอกว่ากลัวนักเลงหัวไม้ในหมู่บ้านจะทำร้าย เพราะก่อนหน้านี้เคยทำร้ายร่างกายนายต๋องพี่ชาย พ่อพาไปแจ้งความแต่คดีไม่คืบ จนถูกนักเลงดังกล่าวขู่จะทำร้ายพ่ออีกคน
ด้านญาติผู้ใกล้ชิดเปิดเผยว่านายเจียงผู้ตายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า เคยไปรับยาจาก รพ.จิตเวชฯนครพนม ระยะหลังไม่ไปพบแพทย์ตามนัด ประกอบกับประมาณ 2 เดือน ได้ขายควายยกคอกจำนวน 14 ตัว เพื่อนำเงินมาซื้อที่ดินของญาติ โดยเฉพาะควายเพศแม่นายเจียงเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กๆ จึงมีความผูกพันกัน หลังขายไปแล้วก็บ่นกับเพื่อนบ้านหลายคนว่าคิดถึงควายมาก อีกอย่างผู้ตายไม่อยากให้เมียคือ นางบับภา เพ็งคำภู อายุ 50 ปี ไปทำงานที่กรุงเทพฯ เพราะไม่อยากอยู่ห่างไกลกัน แต่เมียรั้นที่จะทำงานเก็บเงินไว้ในยามไม่มีเรี่ยวแรง จึงเป็นความเครียดสะสมจนคิดสั้นฆ่าตัวตายดังกล่าว
