X

เกษตรกรสวนยางร้อง ถูกเพิ่มเงื่อนไขการครอบครอง ส.ป.ก. ตัดสิทธิ์รับเงินเยียวยา 5 พันบาท

นครพนม – เกษตรกรสวนยางร้อง ถูกเพิ่มเงื่อนไขการครอบครอง ส.ป.ก. ตัดสิทธิ์รับเงินเยียวยาโควิด 5 พันบาท

วันที่ 6 พฤษภาคม 2563 ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องทุกข์จากนายชัยพิชิต ลากลาง อายุ 40 ปี บ้านเลขที่ 190 หมู่ และ นางแสงจันทร์ ศรีนาทม อายุ 48 ปี บ้านเลขที่ 49 หมู่ 9 บ้านเทพนิมิต ต.หนองซน อ.นาทม จ.นครพนม ว่า กรณีรัฐบาลให้ลงทะเบียนเพื่อลงทะเบียนเพื่อรับความช่วยเหลือ ผ่านเว็บไซต์ “เราไม่ทิ้งกัน” เนื่องจากได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 ต่อมาถูกระบบ AI ตัดสิทธิ ไม่ได้รับเงินเยียวยา 5,000 บาท โดยแจ้งว่าเป็นเกษตรกร ตนจึงนำสมุดเล่มเขียวเกษตรกรไปขออัพเดทข้อมูล เพื่อได้สิทธิ์รับเงินเยียวยาจำนวนดังกล่าว

นายชัยพิชิตกล่าวว่า เมื่อมาถึงสำงานเกษตรอำเภอนาทม ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ว่าไม่สามารถขอขึ้นทะเบียนได้ เนื่องจากขาดการติดต่อนานกว่า 2 ปี จึงไม่รู้ว่ารัฐจะให้ตนยืนอยู่ตรงไหน เพื่อมีสิทธิ์รับเงินช่วยเหลือ

โดยเล่าปัญหาที่เกิดขึ้น ว่า พ่อได้ที่ดิน ส.ป.ก. 1 แปลง ปลูกยางพาราเต็มพื้นที่ หลังเสร็จจากกรีดยางก็จะรับจ้างทั่วไป เมื่อรัฐประกาศให้เงินเยียวยา 5 พันบาท จึงลงทะเบียนตามขั้นตอน ภายหลังรับ SMS ว่าเป็นเกษตรกรจึงมาใช้สิทธิ์ดังกล่าวขอรับเงินเยียวยา แต่กลับถูกปฏิเสธจากเจ้าหน้าที่

นางแสงจันทร์ก็เช่นเดียวกัน ปลูกยางพารา ทำนา และเลี้ยงปลาเป็นอาชีพเสริม ทำกินบนที่ดิน ส.ป.ก.เช่นเดียวกัน แต่เป็นชื่อของญาติที่ตนขอเช่าทำกิน ทุกปีจะไปเสียภาษีเข้ารัฐไม่ได้ขาด พร้อมแสดงหลักฐานใบเสร็จรับเงินประกอบ เมื่อไม่ได้รับการชี้แจงจากเจ้าหน้าที่จึงร้องเรียนสื่อ เพื่อขอความกระจ่างจากหน่วยงานที่รับผิดชอบ

ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปสำนักงานเกษตรอำเภอนาทม ไม่พบนายวิชา คำมุงคุณ หัวหน้าฯ มีเพียงพนักงาน 2 คน หลังทราบวัตถุประสงค์ก็ชี้แจงเท่าที่จะให้ได้ว่า ประมาณปี 2558 กระทรวงเกษตรฯ ได้ให้เกษตรกรไปขึ้นทะเบียนเพื่อรับเงินชดเชยราคายางตกต่ำ ต่อมาได้เพิ่มเงื่อนไขมาว่า ผู้ที่มีสิทธิ์ได้รับเงินเยียวยา จะต้องเป็นผู้มีรายชื่อในที่ดิน ส.ป.ก. และเป็นผู้ประกอบกิจกรรมการเกษตรในที่ ส.ป.ก. จึงจะมีสิทธิ์ยื่นขึ้นทะเบียนเท่านั้น ในกรณีที่ผู้มีชื่อในที่ดิน ส.ป.ก. ไม่ได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร อนุโลมให้เป็นคู่สมรส บุตร ของเจ้าของพื้นที่ ส.ป.ก. ที่อยู่ในครัวเรือนเกษตรกรเดียวกัน ถึงจะขึ้นทะเบียนได้

ส่วนในกรณีของนายชัยพิชิต แม้จะเป็นลูกผู้ครอบครองที่ดิน ส.ป.ก. แต่แยกครอบครัวออกไปอยู่ทะเบียนบ้านหลังใหม่ จึงไม่ได้อยู่ในครัวเรือนเดียวกัน เลยไม่ได้รับสิทธิ์ในฐานะทายาท หรือนางแสงจันทร์ก็เช่าเจ้าของพื้นที่ตัวจริง และตรวจสอบแล้วพบว่าเจ้าของพื้นที่ ส.ป.ก.ทั้งสองแปลง ได้สิทธิ์รับเงินเยียวยาครบถ้วน

นางสุกัญญา ลากลาง อายุ 35 ปี ภรรยาของนายชัยพิชิตกล่าวเพิ่มเติมว่า ตนได้รับเงินเยียวยา 5 พันบาท เพราะไม่ได้เป็นเกษตรกรและลงทะเบียนเป็นผู้รับจ้างทั่วไป ซึ่งตามหลักความจริงการทำเกษตรในลักษณะนี้มีจำนวนมาก หากรัฐกำหนดเงื่อนไขว่าต้องเป็นเจ้าของพื้นที่ ส.ป.ก. หรือทายาทในครอบครัวเดียวกันเท่านั้น จะต้องมีผู้ถูกตัดสิทธิ์ทั่วประเทศอีกเป็นจำนวนมาก อยากให้รัฐมองถึงจุดนี้ด้วย เช่นกรณีของสามีก็ได้รับการแบ่งแยกจากผู้เป็นพ่อจริง  แต่ยังไม่ได้ทำนิติกรรมทางกฎหมาย ผู้ใหญ่บ้านก็เซ็นรับรองครบถ้วน  พอมายื่นที่เกษตรอำเภอนาทมก็ไม่ยอมให้ขึ้นทะเบียน “อยากถามรัฐว่าลงเป็นผู้รับจ้างทั่วไป AI ก็บอกว่าเป็นเกษตรกร พอถือสมุดเล่มเขียวมายืนยันเจ้าหน้าที่ก็ไม่ยอมรับ แล้วจะให้เราไปเป็นอะไรถึงจะได้เงินเยียวยา 5 พันบาท” นางสุกัญญา กล่าว

ผู้สื่อข่าวได้รับคำอธิบายจากนายวิชา คำมุงคุณ หัวหน้าสำนักงานเกษตรอำเภอนาทม ทางโทรศัพท์ว่า รัฐไม่ได้กีดกันไม่ให้เกษตรกรขึ้นทะเบียนเพื่อรับเงินเยียวยา แต่มีเกษตรกรบางคน  หลังรับสมุดเล่มเขียวยืนยันตัวตนว่าเป็นเกษตรกรแล้ว ไม่ยอมมาอัพเดทข้อมูลประจำปี อย่างกรณีทั้งสองรายหลังได้เงินชดเชยยางพารา เมื่อปี 2558 ก็ไม่มาติดต่ออีกเลย ซึ่งเลยระยะเวลา 3 ปี จะถูกตัดสิทธิ์โดยอัตโนมัติ

ซึ่งทั้งนายชัยพิชิตและนางแสงจันทร์ แย้งว่าพวกตนและชาวบ้านอีกไม่น้อยกว่า 100 ครัวเรือน ส่วนมากจะเช่าที่ดิน ส.ป.ก. หรือรับช่วงต่อจากพ่อแม่ แต่ไม่ทราบเงื่อนไขว่าถ้าแยกตัวออกจากทะเบียนบ้านจะถูกตัดสิทธิ์นั้น ยอมรับไม่ทราบจริงๆ และผู้ใหญ่บ้านก็ไม่เคยประกาศเรื่องแบบนี้ให้ชาวบ้านรู้ แต่กลับมาบอกพวกตนว่าไม่ต้องเอาสมุดเล่มเขียวไปอัพเดทข้อมูลให้ยุ่งยาก เพราะถึงอย่างไรก็ไม่มีสิทธิ์ได้รับเงินช่วยเหลืออะไรจากรัฐ ตลอดกว่า 3 ปีพวกตนจึงไม่ได้มาเช็ดสิทธิ์ใดๆ เพราะเชื่อผู้ใหญ่บ้าน

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน