นครพนม – วันที่ 9 ต.ค.61 เวลา 09.00 น. บริเวณหน้ากองบัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (บก.นรข.) บ้านกกต้อง ต.อาจสามารถ เขตเทศบาลเมืองนครพนม พล.ร.ต.พิสิษฐ์ ทองดีเลิศ ผู้บัญชาการหน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง(ผบ.นรข.) ได้จัดพิธีส่งมอบอำนาจบัญชาการ นรข.แก่ พล.ร.ต.ระพีพงษ์ โสวรรณ ผบ.นรข.คนใหม่ พร้อมกล่าวอำลาผู้ใต้บังคับบัญชา ก่อนจะเดินทางไปรับตำแหน่ง รองผู้บัญชาการ ฐานทัพเรือสัตหีบ (รอง ผบ.ฐท.สส.) โดยมีเสนาธิการ ข้าราชการ พลทหาร และลูกจ้าง นรข.ร่วมพิธีจำนวนมาก
ส่วนประวัติของ พล.ร.ต.ระพีพงษ์ โสวรรณ ผบ.นรข.คนใหม่ เป็นนักเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 22 เคยปฏิบัติราชการในตำแหน่งสำคัญเข่น ผู้บังคับหมู่บินที่ 1 ฝูงบิน 202 กองบิน 2 กองการบินทหารเรือ,ผู้บังคับฝูงบิน 201 กองบิน 2 ฯ,หัวหน้ากองงบประมาณ กองการบินทหารเรือ,รองเสนาธิการ หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง,รองเสนาธิการ กองการบินทหารเรือ จนได้รับฉายาว่าเป็น”ฉลามติดปีก” ต่อมาเป็น ผอ.กองกิจการพลเรือน ทัพเรือภาคที่ 2,ผอ.กองวิทยุกระจายเสียงฯ,ผอ.การสื่อสารเทคโนโลยี่สารสนเทศฯ,ผอ.กองพัฒนาระบบบริหาร สำนักปลัดบัญชีทหารเรือ,รอง ผอ.สำนักพัฒนาระบบราชการฯ,ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพเรือ,และผู้ชำนาญการกองทัพเรือ ปฏิบัติหน้าที่ ผบ.นรข.คนใหม่
หลังเสร็จพิธีส่งมอบอำนาจการบัญชาการ นรข. พล.ร.ต.ระพีพงษ์ฯ ได้กล่าวโอวาทแก่ผู้ใต้บังคับบัญชาว่า”ก่อนจะได้ปฏิบัติหน้าที่ร่วมกันต่อไป ผมขอชี้แจงให้ทราบถึงจุดมุ่งหมายและแนวทางในการปฏิบัติงาน เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของผู้บัญชาการระดับสูง ที่ต้องการให้ นรข. มีความพร้อมในการปฏิบัติการทั้งในด้านองค์วัตถุ องค์บุคคล และองค์ยุทธวิธี พร้อมที่จะปฏิบัติภารกิจที่ได้รับมอบหมายได้ตลอดเวลา และขณะเดียวกันก็ได้คำนึงถึงการส่งเสริมด้านสวัสดิการ สิทธิประโยชน์ต่างๆอันพึงมีพึงได้ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจแก่กำลังพลฯ”
“สำหรับแนวทางในการปฏิบัติงานนั้น ผมจะดำเนินการทุกวิถีทางเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์ของ นรข. ที่ตั้งไว้ว่าจะเป็นกองกำลัง ที่มีความพร้อมในการปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ โดยจะดำเนินการตามนโยบาย ผบ.นรข.ท่านเดิมที่ได้วางพื้นฐานไว้แล้ว พร้อมกันนั้นจะพัฒนาปรับปรุงแนวทางการปฏิบัติให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อม เพื่อให้ นรข.มีขีดความสามารถสูงสุด โดยจะให้ความสำคัญขององค์บุคคลเป็นพิเศษ ทั้งนี้เพราะองค์บุคคลเป็นปัจจัยสำคัญที่จะส่งผลกระทบต่อขีดความสามารถ ในการปฏิบัติงานเป็นอย่างมาก หากองค์บุคคลมีขีดความสามารถสูงแล้ว ย่อมส่งผลให้ขีดความสามารถในด้านอื่นสูงตามไปด้วย ผมวนฐานะที่เป็นผู้รับผิดชอบในการปกครองบังคับบัญชาต่อไป ขอให้คำยืนยันว่าจะปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มกำลังความสามารถ และจะร่วมมือกับทุกท่านในการดำเนินการทุกวิถีทางให้ นรข.เป็นหน่วยงานที่มีความพร้อมในการปฏิบัติการ ไม่น้อยกว่าที่เป็นในปัจจุบัน” ผบ.นรข.กล่าว จากนั้นได้เดินทางไปสักการะพระอนุสาวรีย์ พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หรือ”เสด็จเตี่ย” องค์บิดาของทหารเรือไทย
หน่วยเรือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง (นรข.) เป็นหน่วยเฉพาะกิจของกองทัพเรือ ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย – สปป.ลาว ในส่วนที่มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นเขตแดน มีระยะทางรับผิดชอบตลอดลำน้ำโขงจาก จ.เชียงราย ถึง จ.อุบลฯ รวม 917 กม. แบ่งพื้นที่รับผิดชอบออกเป็น 4 เขต คือ นรข.เขต เชียงราย มีสถานี (สน.) เรือที่รับผิดชอบ อยู่ 2 สถานี คือ สน.เรือเชียงแสน และ เชียงของ,นรข.เขตหนองคาย มี 6 สถานีเรือคือ สน.เรือเชียงคาน-สังคม-บึงกาฬ-ศรีเชียงใหม่-รัตนวาปี และหนองคาย,นรข.เขตนครพนม มี 4 สถานี คือ สน.เรือบ้านแพง-นครพนม-ธาตุพนมและมุกดาหาร,และ นรข.เขตอุบลราชธานี มี 2 สถานีเรือ คือ สน.เรือเขมราฐ และโขงเจียม
นรข.มีภารกิจหลักที่สำคัญคือรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขง คุ้มครอง และช่วยเหลือประชาชนจากภัยพิบัติต่างๆ สนับสนุนกำลังทางบก ในการรักษาความมั่นคงและป้องกันประเทศ รวมทั้งกิจอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพเรือ และหน่วยควบคุมทางยุทธการ เพื่อผลประโยชน์ของชาติและความสงบเรียบร้อยในพื้นที่
นรข.จะดำเนินบทบาทในการรักษาความสงบเรียบร้อยตามลำแม่น้ำโขงและตลอดแนวชายฝั่งแม่น้ำโขง ในพื้นที่รับผิดชอบเป็นหลัก โดยมุ่งเน้นและให้ความสำคัญต่อการปฏิบัติในการป้องกันและปราบปรามการกระทำความผิดกฎหมาย ที่จะส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและความสงบเรียบร้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องยาเสพติด แรงงานต่างด้าวหลบหนีเข้าเมือง สินค้าเถื่อน และการกระทำอื่นๆ ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
นอกเหนือจากบทบาทในการป้องกันประเทศ การคุ้มครองและช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ที่ประสบความเดือดร้อน จากสาธารณภัยต่างๆ ที่ได้ดำเนินการอยู่แล้ว นรข. ยังเป็นหน่วยงานหลักในการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางน้ำในลำน้ำโขง ตลอดจนประชาชนในพื้นที่ข้างเคียงที่ประสบความเดือดร้อนจากภัยต่างๆ รวมทั้งให้การสนับสนุนแก่หน่วยงานราชการที่มีขีดจำกัดในด้านการช่วยเหลือประชาชนหรือตามที่ได้รับการร้องขอสนับสนุน พร้อมทั้งเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อขจัดความหวาดระแวงต่อกัน ด้วยการจัดให้มีการแลกเปลี่ยน เยี่ยมเยียนซึ่งกันและกัน รวมทั้งดำเนินการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการรักษาพยาบาล แก่ประชาชนทั้งสองฝั่งแม่น้ำโขง โดยไม่มีภารกิจทางทหารแอบแฝง
