นครพนม – วันที่ 16 ต.ค.61 ตั้งแต่ริมฝั่งแม่น้ำโขงจากทิศเหนือหน้าโรงเรียนสันตยานันท์ ถนนสุนทรวิจิตร ไปจนถึงหน้าที่ทำการไปรษณีย์ เขตเทศบาลเมืองนครพนม มีซุ้มเรือไฟจาก 12 อำเภอ กำลังขะมักเขม้นในการสร้างเรือไฟ เพื่อให้ทันในวันไหลที่ 24 ต.ค.นี้ โดยปีนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการตัดสินเรือไฟ สรุปผลให้แบ่งออกเป็น 2 ขนาด ได้แก่เรือไฟขนาดเล็ก ความยาว 40-60 เมตร มีอยู่ 5 ลำ คือ อ.วังยาง,บ้านแพง,เรณูนคร,ปลาปาก,และนาหว้า ส่วนประเภทเรือไฟใหญ่ ขนาดความยาว 61-80 เมตร มีการประกวด 2 ประเภท ได้แก่ประเภทสวยงาม มีเรือส่งเข้าชิงชัย 4 ลำ ประกอบด้วย อ.ท่าอุเทน,เมืองนครพนม(แชมป์เก่า),ธาตุพนม และโพนสวรรค์ ประเภทความคิดมี 3 ลำ คือ อ.ศรีสงคราม(แชมป์เก่า),นาทม,และนาแก สำหรับรางวัลจะเท่ากันทั้ง 2 ขนาด ชนะเลิศ 70,000 บาท พร้อมถ้วยพระราชทานจำลอง
สำหรับปีนี้คาดการณ์กันว่า น่าจะดูเดือดกว่าหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากปีที่แล้ว อ.โพนสวรรค์ ฉายา”แชมป์ตลอดกาล” ผูกขาดแชมป์เรือไฟประเภทสวยงามถึง 22 ปี พลาดท่าถูกเรือไฟจาก อ.เมืองนครพนม เฉือนชนะไปอย่างฉิวเฉียด จึงเตรียมตัวมาทวงบัลลังก์คืน
ข่าวน่าสนใจ:
- โหดเหี้ยม!หนุ่มถูกมีดฟันยับดับกลางถนน คาดทะเลาะในวงเหล้า
- ชาวบ้านยังผวา บ้านสไลด์ตกน้ำบางปะกงตามกัน ไม่กล้าออกไปทำกิน
- พะเยา หนุ่มจ่ายบิลไฟฟ้าหัวร้อนกระบองเหล็กเขวี้ยงสุนัขถูกกระจกบ้านเสียหายขับรถ จยย หลบหนี
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
นายบุญเลิศ บุรีขันธ์ อายุ 61 ปี ผู้ควบคุมดูแลการสร้างเรือไฟเผยว่า ตนมีส่วนสร้างเรือไฟมานานถึง 32 ปี ครองแชมป์ยาวนานมา 22 ครั้ง ก่อนจะถูกเรือไฟ อ.เมืองนครพนม สอยร่วงเมื่อปี 60 ปีนี้ซุ่มฟิตซ้อมมาอย่างดี ร่วมกับศิลปินเรือไฟบรรจงสร้างเรือไฟมีขนาดความยาว 80 เมตร สูง 25 เมตร ใช้ตะเกียงถึง 23,000 ดวง โดยมีนายกิติศักดิ์ จำปา กำนัน ต.บ้านค้อ อ.โพนสวรรค์ ช่วยดูแลรายละเอียดทุกขั้นตอน มั่นใจทวงคืนแชมป์ได้แน่นอน “อุปสรรคของเรือไฟทุกลำคือลม ฉะนั้นศิลปินเรือไฟจะต้องใช้ความสามารถเฉพาะตัวทำไส้ตะเกียงให้สู้ลม และต้องไม่มีควันเยอะ กลเม็ดนี้เป็นความลับของผู้สร้างเรือไฟ”นายบุญเลิศเซียนเรือไฟกล่าว
งานประเพณีไหลเรือไฟและกาชาดจังหวัดนครพนม ประจำปี 2561 วันที่ 17-25 ต.ค. คืนวันไหล 24 ต.ค. เริ่มปล่อยเรือไฟลำแรก เวลา 18.30 น. อ.นาหว้าเป็นอำเภอแรกที่จะถูกปล่อยออกสู่กลางลำแม่น้ำโขง ตามด้วย อ.ศรีสงคราม,โพนสวรรค์,นาทม,บ้านแพง,ปลาปาก,ท่าอุเทน,เมืองนครพนม,นาแก,วังยาง,เรณูนคร และลำสุดท้าย อ.ธาตุพนม ควบคุมการลากจูงเรือ โดย น.อ.อภิชาติ แก้วดวงเทียน ผบ.นรข.เขตนครพนม ระยะห่าง 10 นาทีต่อลำ และก่อนจะชมเรือไฟอันยิ่งใหญ่ตระการตา จะมีการลอยเรือไฟโบราณเรียกน้ำจิ้มจากนักท่องเที่ยวก่อน 12 ลำ คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวไทยและเทศ ร่วมชมการไหลเรือไฟครั้งนี้นับแสนคน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: