นครพนม – “สีแผ่นดินต้องไม่หมอง” ผวจ.นครพนม สั่งย้าย นอภ.โพนสวรรค์ ช่วยราชการจังหวัด เซ่นปมผู้นำชุมชนชูป้ายไล่ เลขาฯเจอสอบบัญชีแบงค์
คืบหน้ากรณีมีกลุ่มนายกองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.) กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และสมาชิก อบต.(ส.อบต.) จาก 7 ตำบล 92 หมู่ของอำเภอโพนสวรรค์ จั.หวัดนครพนม ประมาณ 200 คน นำโดยนายกิติศักดิ์ จำปา กำนันตำบลบ้านค้อ/ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านอำเภอโพนสวรรค์ เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนถึงนายสยาม ศิริมงคล ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ขับไล่นายนพดล ศิริ นายอำเภอโพนสวรรค์ ซึ่งต่อมา ผวจ.ฯ ได้กล่าวในที่ประชุมศูนย์ปฏิบัติการจังหวัดนครพนม (ศปก.ฯ) ครั้งที่ 158/2563 ชั้น 5 ศาลากลางจังหวัดฯ เมื่อวันที่ 24 สิงหาคม ว่า มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้ว พร้อมกับกล่าวถึงการเป็นข้าราชการที่ดีว่า “การทำงานอย่าถึงกับเป็นประธานแล้วอย่าพูดอยู่คนเดียว ถ้าทุกคนไม่มีส่วนร่วมและไม่เข้าใจแล้ว เขาก็อดเคลือบแคลงสงสัยไม่ได้ในบางเรื่อง ทางจังหวัดจะเร่งสอบสวนให้ประชาชนสบายใจ และให้ความเป็นธรรมกับประชาชนและเพื่อนข้าราชการด้วย” ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ล่าสุด วันที่ 25 สิงหาคม 2563 หลังจากคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง มี นายพรต ภูภักดิ์ ปลัดจังหวัดนครพนมเป็นประธาน ได้ลงพื้นที่สอบสวนผู้เกี่ยวข้องในที่ว่าการอำเภอโพนสวรรค์จนถึงเวลาประมาณ 22.00 น. ของวันที่ 24 สิงหาคม ก็รายงานต่อ ผวจ.นครพนม ซึ่งในวันรุ่งขึ้นก็ได้มีคำสั่งจังหวัดนครพนม ที่ 2208/2563 เรื่องให้ข้าราชการช่วยราชการ โดยมีคำสั่งให้ นายนพดล ศิริ รักษาการในตำแหน่ง นายอำเภอ (ผู้อำนวยการต้น) นายอำเภอโพนสวรรค์ จ.นครพนม ไปช่วยราชการ กลุ่มงานปกครอง ที่ทำการปกครองจังหวัดนครพนม โดยมอบหมายให้ปฏิบัติหน้าที่เพื่อดำเนินการขับเคลื่อนพัฒนาโครงการพระราชดำริในพื้นที่ฯนครพนม ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม 2563 จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง
สำหรับข้อกล่าวหาของผู้นำชุมชน ผู้นำท้องถิ่น คือให้มีการตรวจสอบกรณี พฤติกรรมไม่โปร่งใสในการทำงานของนายนพดล ศริ จำนวน 4 ข้อ ได้แก่ 1.ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านนำเงินกองทุนหมู่บ้านส่งให้นายอำเภอโพนสวรรค์ กองทุนละ 1,500 บาท 2.ให้กำนันผู้ใหญ่บ้านส่วนราชการจัดตั้งกองผ้าป่าทุกหมู่บ้านทุกส่วนราชการเพื่อนำเงินส่งอำเภอ 3.เรี่ยไรทุกหลังคาเรือนในเขตอำเภอโพนสวรรค์ หลังคาละ 99 บาท 4.นำเงินอุดหนุนขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ (อุดหนุนศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดอำเภอโพนสวรรค์ (ศป.ปศ.อ.โพนสวรรรค์) นำเอาไปใช้ส่วนตัว โดยไม่ผ่านคณะกรรมการ ไม่มีความโปร่งใส เมื่อมีตัวแทนชาวบ้านไปสอบถาม ก็ไม่มีความชัดเจน และไม่มีการชี้แจง อีกทั้งมีการข่มขู่เอาผิดทางวินัยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งในพื้นที่
ด้าน นายนพดล ศิริ ได้ออกมาชี้แจงผ่านกลุ่มบุคคลที่อ้างเป็นสื่อใหญ่ว่า ตนพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบทุกขั้นตอน และมั่นใจว่าทำงานด้วยความโปร่งใส ตั้งแต่มารับตำแหน่งเมื่อเดือนเมษายน 2563 ซึ่งตนเป็นลูกหลานชาวจังหวัดนครพนม ยืนยันว่ามีความตั้งใจในการพัฒนาจังหวัดนครพนม ไม่มีเจตนาที่ใช้อำนาจหน้าที่ในทางมิชอบ และพร้อมที่จะพูดคุยไกล่เกลี่ยทำความเข้าใจกับผู้บริหารท้องถิ่น ผู้นำชุมชน ซึ่งเชื่อว่ามีจากความเข้าใจคลาดเคลื่อน และไม่ได้พูดคุยกัน แต่ตนไม่ได้ถือโทษโกรธใครสำหรับกลุ่มที่ไปร้องเรียน หากมีโอกาสตนพร้อมที่จะชี้แจงทำความเข้าใจกับ ผู้บริหารท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านในพื้นที่ ส่วนเรื่องเงินบริจาคหรือเงินทำบุญ ยืนยันว่าตนไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้นำไปใช้ส่วนตัวตามที่ถูกกล่าวหา อย่างไรก็ตามพร้อมให้ตรวจสอบตามขบวนการ หากตนผิดจริงพร้อมยอมรับผิด แต่หากไม่ผิดตนยังยืนยันที่จะทำงานเพื่อชาวจังหวัดนครพนมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีผู้นำท้องถิ่นซึ่งเป็นแหล่งข่าวเปิดเผยว่า หลังนายนพดล ศิริ มีคำสั่งย้ายออกนอกพื้นที่แล้ว สิ่งที่จะต้องดำเนินการต่อคือ ตรวจสอบบัญชีธนาคารของเลขาส่วนตัว ที่มีหลักฐานยืนยันเป็นภาพถ่ายของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน นำเงินจากการนำวัตถุมงคลที่อ้างชื่อเกจิดังของอำเภอโพนสวรรค์จัดสร้าง ในราคาเหรียญละ 99 บาท ซึ่งเงินจำนวนนี้ไปอยู่ไหน อีกทั้งงบประมาณอุดหนุนศูนย์ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด 7 อบต.ๆละ 50,000 บาท รวมเป็นเงิน 350,000 บาท ซึ่งมีการนำมามอบให้ตั้งแต่เดือนมิถุนายนนั้น ตอนนี้เงินจำนวนดังกล่าวอยู่ไหน แหล่งข่าวเผยต่อว่าลำพังแค่เลขาคงไม่มีใครหอบเงินไปให้แน่ แต่จะเป็นใครนั้นหลักฐานต่างๆคงสาวไปถึงตัวบุคคลนั้นไม่ยาก
ส่วนกรณีมีข้าราชการรายหนึ่งแอบมีสัมพันธ์สวาทกับคนสนิทนั้น แหล่งข่าวเผยว่าอดีตสามีที่ถูกเมียสวมเขาถึงขั้นสติแตก คาดไม่ถึงว่าเมียจะกล้านอกใจ ห่วงที่สุดคือลูกทั้งสามคน พร้อมกับฝากความไปถึงข้าราชการชายชู้ว่า ถ้าเรื่องนี้เกิดกับครอบครัวคุณจะมีความรู้สึกอย่างไร
