นครพนม – ก็มี “บั้งไฟพญานาค” โผล่ต่อเนื่องเกือบ 2 ทศวรรษ ชาวบ้านเชื่อเป็นเมืองพญานาคเชื่อมโยงหนองคาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บริเวณริมฝั่งโขงจุดท่าเทียบเรือ บ้านโพธิ์ไทรหมู่ 2 และบ้านโพธิ์ทองหมู่ 8 ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง จ.นครพนม หลังมีข้อมูลว่าทุกปีในวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 จะเกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ คือ บั้งไฟพญานาค ขึ้น บริเวณนี้ จึงกลายเป็นอีกจุดสำคัญอีกแห่ง ที่มีประชาชน นักท่องเที่ยว ให้ความสนใจ จากประเพณีความเชื่อ ความศรัทธา เรื่องบั้งไฟพญานาคในลุ่มน้ำโขง ที่นอกเหนือจากพื้นที่อำเภอโพนพิสัย จังหวัดหนองคาย จุดชมบั้งไฟพญานาคอันโด่งดังของประเทศแล้ว
โดยชาวบ้านโพธิ์ไทรหมู่ 2 และบ้านโพธิ์ทองหมู่ 8 ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง จ.นครพนม ยืนยันว่าพบเห็นปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาค มาตั้งแต่ปี 2549 ต่อเนื่องมาจนถึงปี 2562 ซึ่งมีการเก็บสถิติรวบรวมมาแล้ว 14 ปี ปีแรกที่พบคือ 2549 จำนวน 18 ดวง,ปี 2550 จำนวน 9 ดวง,ปี 2551 จำนวน 28 ดวง,ปี 2552 จำนวน 5 ดวง,ปี 2553 จำนวน 7 ดวง,ปี 2554 จำนวน 31 ดวง,ปี 2555 จำนวน 32 ดวง,ปี 2556 จำนวน 11 ดวง,ปี 2557 จำนวน 19 ดวง,ปี 2558 จำนวน 16 ดวง,ปี 2559 จำนวน 25 ดวง,ปี 2560 จำนวน 24 ดวง,ปี 2561 จำนวน 18 ดวง และปี 2562 จำนวน 19 ดวง จะเห็นได้ว่าในสถิติปี 2555 มีจำนวนบั้งไฟพญานาคมากที่สุดถึง 32 ดวง ทำให้ชาวบ้านรวมถึงประชาชน นักท่องเที่ยว เริ่มเดินทางมาเฝ้ารอชมปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะเมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ทางอำเภอบ้านแพงได้ร่วมกับ ชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไผ่ล้อม จัดกิจกรรมการส่งเสริมการท่องเที่ยว พร้อมประกอบพิธีรำบูชาพญานาค ตามประเพณีความเชื่อของชาวลุ่มน้ำโขง เพื่อเป็นการสักการะบูชา บอกกล่าวขอพร และขอพรให้องค์พญานาค และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในแม่น้ำโขง ได้แสดงปรากฏการณ์ธรรมชาติให้มากขึ้นทุกปี จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจการค้า การท่องเที่ยวตามมา
นายธีรชาติ ผาลี หรือลุงหลอย อายุ 63 ปี สมาชิกองค์การบริหารส่วนตำบลไผ่ล้อม บ้านโพธิ์ทอง หมู่ 8 (ส.อบต.ฯ) อดีตผู้ใหญ่บ้านโพธิ์ทอง เปิดเผยว่า พื้นที่บ้านโพธิ์ไทรและบ้านโพธิ์ทอง เป็นหมู่บ้านติดกับแม่น้ำโขง มีวิถีชีวิตความเป็นอยู่ผูกพันกับน้ำโขงมาหลายชั่วอายุคน นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มีโครงการก่อสร้างท่าเทียบเรือน้ำลึก และเป็นจุดผ่อนปรนการค้าระหว่างบ้านท่าสะอาด เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว ที่จะข้ามมาติดต่อค้าขายตามแนวชายแดน แต่ช่วงนี้ปิดชั่วคราวตามมาตรการควบคุมโรคโควิด
ลุงหลอยเล่าต่อว่าจุดนี้ย้อนไปเมื่อปี 2549 ได้เกิดปรากฎการณ์บั้งไฟพญานาค ขึ้นเป็นปีแรก นับได้จำนวน 18 ดวง หลังจากก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร่ำลือว่าพบเห็นบั้งไฟพญานาคมาหลายสิบปี ตนจึงเฝ้าสังเกตการณ์และเก็บสถิติต่อเนื่องมาทุกปี มาจนถึงปี 2562 รวม 14 ปีแล้ว และจะมีบั้งไฟพญานาคมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะปี 2555 มีมากถึง 32 ดวง ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญ ที่เหมาะแก่การส่งเสริมการท่องเที่ยว และชมปรากฏการณ์ธรรมชาติ บั้งไฟพญานาคในคืนวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 นอกจากงานประเพณีสำคัญของจังหวัดนครพนม คือไหลเรือไฟ ต่อไปเชื่อว่า ประชาชน นักท่องเที่ยว จะเดินทางมาเฝ้ารอชมบั้งไฟพญานาคมากขึ้น ยิ่งในปีนี้คาดว่า เริ่มมีประชาชน นักท่องเที่ยวให้ความสนใจ เตรียมที่จะมาเฝ้ารอชมจำนวนมาก ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เหนือธรรมชาติ และถือเป็นความเชื่อ ความศรัทธา เกี่ยวกับองค์พญานาค
ลุงหลอยกล่าวถึงความเชื่ออีกว่า เรื่องของพญานาคอาจพิสูจน์ไม่ได้ แต่สำหรับคนแถบลุ่มน้ำโขง รวมถึงคนที่เคารพศรัทธา ยังมีความเชื่อตามตำนาน และเชื่อว่าในแม่น้ำโขงมีพญานาคดูแลปกปักรักษา ส่วนใครจะเชื่อหรือไม่เชื่อเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ตนเชื่อว่าคนแถบลุ่มน้ำโขงมีความเคารพศรัทธา รวมพื้นที่ลำน้ำโขงบ้านโพธิ์ไทร ต.ไผ่ล้อม ชาวบ้านหลายคนเชื่อว่า มีพญานาคดูแลรักษา และอาจจะเชื่อมไปยังฝั่ง สปป.ลาว รวมถึงสายน้ำโขงจังหวัดหนองคายและบึงกาฬ ที่เชื่อมโยงเป็นเมืองพญานาค ทำให้มีปรากฏการณ์บั้งไฟพญานาคให้เห็นทุกปี ในคืนวันออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
นอกจากนี้ลุงหลอยยังชี้ไปยังฝั่งตรงข้าม คือ บ้านท่าสะอาด เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ สปป.ลาว จะสามารถมองเห็นแนวเขาที่ชาวบ้านเรียกว่าภูงูมีลักษณะคล้ายตัวงูทอดยาวตามแนวแม่น้ำโขง อีกทั้งยังมีตำนานเรื่องเล่าตามความเชื่อ พื้นที่ฝั่งลาวเป็นเมืองโบราณ ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงตำนานพญานาค หรือตำนานเมืองบาดาล สอดคล้องกับในพื้นที่บ้านโพธิ์ไทรหมู่ 2 ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง มีวัดที่มีต้นโพธิ์ขนาดใหญ่อายุกว่า 100 ปี เกิดขึ้นมาพร้อมกับการก่อตั้งวัดและหมู่บ้าน ที่มีลักษณะแปลก คือ ลำต้นจะมี 7 ช่อ ชาวบ้านเชื่อกันว่าเป็นต้นโพธิ์ศักดิ์สิทธิ์ ที่มีพญานาค 7 เศียร ปกปักรักษา เคยมีชาวบ้านเห็นปรากฏการณ์แสงประหลาดพุ่งออกมาในวันพระบ่อยครั้ง ซึ่งอาจจะเชื่อมโยงเกี่ยวข้องเรื่องพญานาค ทำให้ชาวบ้านเคารพศรัทธากราบไหว้ขอโชคลาภ และยังเป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ศูนย์รวมจิตใจชาวบ้านอีกด้วย
