นครพนม – คณบดี ว.การบิน ยื่นร้องขอความเป็นธรรม ขอคืนตำแหน่ง ต่อคณะบุคคล ม.นครพนม หลังพ้นมลทินถูกกล่าวหาจากผู้บริหารชุดก่อน
วันที่ 16 ตุลาคม 2563 เวลา 09.00 น. บริเวณหน้าห้องประชุมพนมเมธี ชั้น 5 สำนักงานอธิการบดีมหาวิทยาลัยนครพนม พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร คณบดีวิทยาลัยการบินนานาชาติ(ว.การบิน) มหาวิทยาลัยนครพนม(มนพ.) ยื่นหนังสือต่อ ดร.สุเมธ แย้มนุ่น ประธานคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยนครพนม เพื่อขอความเป็นธรรม และชี้แจงข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนจากคณะบุคคลปฏิบัติหน้าที่แทนนายกสภามหาวิทยาลัยนครพนมและกรรมการสภา มนพ.
โดยอ้างถึงหนังสือ มนพ. ที่ อว. 0609/2815 ลงวันที่ 22 กันยายน 2563 คราวการประชุมครั้งที่ 4/2563 แจ้งว่าคณะบุคคลฯที่มี ดร.สุเมธ แย้มนุ่น เป็นประธานฯ มอบหมายให้ มนพ. เจรจาต่อรองเรื่องเงินเดือนและค่าตอบแทนกับตนนั้น ขอยืนยันว่าไม่เคยได้รับการติดต่อจาก มนพ. ในการเจรจาไกล่เกลี่ยตามมติคณะบุคคลฯ เลย เพียงแต่ได้รับการแจ้งด้วยวาจาในการพบปะอย่างไม่เป็นทางการกับผู้บริหาร มนพ.บางคน และเป็นการพบปะพูดคุยกันในฐานะคนคุ้นเคยเท่านั้น ไม่ใช่เป็นการเจรจาไกล่เกลี่ยตามมติของคณะบุคคลฯ แต่ภายหลังที่มีการพบปะตามประสาคนคุ้นเคยแล้ว ได้นำการพูดคุยในร้านกาแฟไปอ้างเป็นลายลักษณ์อักษรเสนอต่อคณะบุคคลฯ ว่า ตนได้เจรจาตกลงตามเงื่อนไขแล้ว จึงต้องทำหนังสือชี้แจงและร้องขอความเป็นธรรมต่อ ดร.สุเมธ แย้มนุ่น ประธานคณะบุคคลฯ ดังกล่าว
สืบเนื่องจาก ประมาณกลางปี 2562 พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร คณบดี ว.การบินฯ ถูกอดีตผู้บริหารชุดก่อนหน้านี้มีมติไม่เห็นชอบให้ผลการปฏิบัติงานคณบดี ว.การบินฯครบ 2 ปี ผ่านการประเมิน โดยตามข้อ 14 แห่งระเบียบมหาวิทยาลัยนครพนม ว่าด้วยวิทยาลัยการบินนานาชาติ พ.ศ.2550 กำหนดไว้ว่า “ให้คณะกรรมการอำนวยการจัดให้มีการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณบดีทุก 2 ปีที่ดำรงตำแหน่ง” ประกอบกับข้อ 5 แห่งประกาศคณะกรรมการอำนวยการวิทยาลัยการบินนานาชาติ มหาวิทยาลัยนครพนม เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณบดี และการจัดทำเอกสารการประเมิน ลงวันที่ 31 กรกฎาคม 2557 กำหนดไว้ว่า “ให้คณะกรรมการอำนวยการการแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินผลการปฏิบัติหน้าที่ของคณบดี จำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน ไม่เกิน 7 คน” ดังนั้น ผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการลงนามในคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการประเมินฯ ต้องเป็นประธานคณะกรรมการอำนวยการวิทยาลัยการบินนานาชาติ หาใช่ผู้บริหารมหาวิทยาลัยนครพนม พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร ในฐานะผู้ถูกกลั่นแกล้งจึงมีหนังสือร้องเรียนขอความเป็นธรรมจากการกระทำของกลุ่มผู้บริหารชุดนั้น
อย่างไรก็ตามเมื่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำสั่งสภามหาวิทยาลัยนครพนม ที่ 007/2563 ลงวันที่ 19 มกราคม 2563 ตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วไม่พบว่า พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร กระทำความผิดใดๆให้เสียหายต่อมหาวิทยาลัยนครพนม ตรงกันข้ามกลุ่มผู้บริหารเจตนาจงใจกลั่นแกล้งจนเป็นเหตุให้ถูกบอกเลิกสัญญาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และทางสภามหาวิทยาลัยฯ ก็ยังไม่มีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งคณบดี ว.การบินฯ
พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร กล่าวว่าตนจึงถือว่ายังคงเป็นคณบดี ว.การบินฯอยู่ และหลังพ้นมลทินก็ยังไม่ได้รับการเยียวยาที่ได้รับความเสื่อมเสียชื่อเสียงที่สะสมมา นอกจากจะไม่เร่งรัดดำเนินการให้กลับเข้าไปทำงานแล้ว ยังแต่งตั้งบุคคลอื่นมารักษาราชการแทน
พล.อ.อ.วรฉัตร กล่าวต่อว่า กรณี รมว.อุดมศึกษาฯ (รมว.อว.) ได้มีคำสั่ง อว.ที่ 103/2563 ให้คณะกรรมการสภามหาวิทยาลัยนครพนมพ้นจากตำแหน่ง โดยระบุว่ามีการดำเนินการต่างๆ “..โดยไม่คำนึงถึงความถูกต้องตามหลักกฎหมายและหลักธรรมาภิบาล..” แต่คณะบุคคลฯก็ยังแต่งตั้งและดำเนินการเสมือนกับส่งเสริมให้บุคคลอย่างน้อย 5 คน ได้มีตำแหน่งหน้าที่และอำนาจใน มนพ. โดยบุคคลเหล่านี้ล้วนเป็นแข้งขาของอดีตผู้บริหารชุดก่อนทั้งสิ้น
“เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่ปฏิบัติต่อตนแล้ว เป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมอย่างยิ่ง บุคคลทั้ง 5 คน ได้อยู่ในตำแหน่งที่สำคัญและมีอำนาจของ มนพ. ส่วนการกระทำของคณะบุคคลฯที่ปฏิบัติกับตน เสมือนเจตนาประวิงเวลาไม่ให้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง ซึ่งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป อาจทำให้เข้าใจว่าการปฏิบัติหน้าที่ของคณะบุคคลฯเป็นการที่กระทำ โดยรู้สำนึกด้วยความจงใจหรือด้วยความประมาทเลินเล่อโดยผิดกฎหมาย และ โดยก่อให้เกิดความเสียหายต่อผู้ใดผู้หนึ่งและทางราชการ” พล.อ.อ.วรฉัตร ธารีฉัตร คณบดี ว.การบินฯกล่าว
เกี่ยวกับเรื่องนี้ แหล่งข่าวในมหาวิทยาลัยนครพนมรายหนึ่ง กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า มีชาวจังหวัดนครพนมยังคาใจว่า คณะบุคคลฯได้ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ตามคำสั่ง อว.ที่ 103/2563 ที่ระบุให้แก้ไขปัญหาการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และการขาดธรรมาภิบาลอย่างร้ายแรงของสภา มนพ.ชุดก่อนแล้วหรือยัง หรือจะปล่อยให้เป็นขยะซุกใต้พื้นพรมอย่างนี้ตลอดไป แหล่งข่าวยังกล่าวต่อว่านอกจากจะไม่แก้ไขปัญหาแล้วอาจจะเป็นการเพิ่มปัญหาแก่มหาวิทยาลัยนครพนมเป็นคำรบสองก็เป็นได้ เพราะปัจจุบันมีการแต่งตั้งมือ-เท้าของอดีตผู้บริหารชุดเก่าเข้ามาดำรงตำแหน่งสำคัญๆ อย่างครบทีมดังนั้น การจะได้เห็นมหาวิทยาลัยนครพนมก้าวไปข้างหน้าก็ริบหรี่เต็มที
