นครพนม – จัดระเบียบวัดพระธาตุพนม ยังไม่สะเด็ดน้ำ แก๊งยัดเยียดขายดอกไม้ไม่หวั่น ยามเฝ้าประตูยอมรับที่ผ่านมาหละหลวม
วันที่ 23 พฤศจิกายน 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า กรณีมีกลุ่มคนที่มีพฤติกรรมแอบแฝงฉวยโอกาสข่มขู่เรียกผลประโยชน์ ขายดอกไม้ ธูป เทียน บริเวณพื้นที่จอดรถวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร อ.ธาตุพนม จ.นครพนม แม้จะมีคำสั่งจากผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการอย่างเด็ดขาดแล้วก็ตาม และยังท้าทายกฎหมายบ้านเมืองอีกด้วย
โดยได้พบกับนายปรีชา คะเนนิล อายุ 63 ปี ตำรวจอาสาฯ ทำหน้าที่เข้าเวรอยู่ทางประตูด้านหลังวัดฯ ทำหน้าที่บริการแลกบัตรรถยนต์เข้า-ออก ที่จะเข้าไปจอดภายในบริเวณด้านใน พร้อมเปิดเผยที่ผ่านมาทางวัดได้สร้างป้อมยามไว้ทุกประตูเข้า-ออก และให้เจ้าหน้าที่เทศกิจดูแลรับผิดชอบ แต่ไม่มีใครมาเข้าเวรยาม กระทั่งเกิดเรื่องมีคนเร่ขายดอกไม้ขูดขีดรถยนต์นักท่องเที่ยว จึงให้ตำรวจอาสาเข้ามาปฏิบัติหน้าที่แทน ยอมรับว่าการทำงานที่ผ่านมาหละหลวม จึงเกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเสื่อมเสียแก่วัดพระธาตุพนมฯ
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เห็นประตูด้านหลังอีกแห่ง อยู่ใกล้อาคารอดีตเจ้าอาวาส โดยผู้อาศัยละแวกนั้นเผยว่า ประตูนี้จะเปิดประมาณตีสี่หรือตีห้า และปิดในเวลาสามทุ่มของทุกวัน โดยใช้เป็นทางสัญจรของพระเณรที่ออกบิณฑบาต และไปเรียนหนังสือที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย(มจร) ที่อยู่ฝั่งถนนตรงข้ามกัน แต่ผู้สื่อข่าวทราบจากแหล่งข่าวเพิ่มเติมว่า ประตูด้านนี้กลุ่มคนเร่ขายดอกไม้จะใช้เป็นทางลัดไป-มา เพราะมีบ้านอยู่หลังวัดนั่นเอง ขณะเดียวกันพบผู้หญิงลักษณะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น กำลังเดินเข้ามาที่บริเวณวัด ทราบคนแถวนั้นว่าคนนี้แหละที่อ้างว่าป่วยทางจิต นำดอกไม้ไปยัดเยียดขายแก่นักท่องเที่ยว วันนี้ไม่มีดอกไม้อยู่ในมือเพราะถูกเจ้าหน้าที่ไล่จับจึงเดินมาตัวเปล่า
จากนั้นผู้สื่อข่าวตระเวนไปยังบริเวณด้านหน้าวัด ตรงทางเข้าสถูปพระธาตุพนมองค์เดิม พบแม่ค้าสูงวัยนั่งขายอาหารปลาอยู่กับผู้หญิงคนหนึ่ง ที่พื้นมีถังพลาสติกภายในมีดอกบัวอยู่เต็ม โดยใช้กระสอบปุ๋ยปิดบังไว้ ทราบต่อมาว่าชื่อป้าติ๊กอายุ 73 ปี เล่าว่าตนค้าขายในวัดพระธาตุพนมมาหลายสิบปี ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนรำคาญแก่นักท่องเที่ยว หลังเกิดเรื่องขึ้นก็ขอร้องเจ้าหน้าที่ขอนั่งขายอยู่ตรงนี้ เพราะถ้าไม่ได้ขายดอกไม้ก็ไม่มีอาชีพอื่นทำ
ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยัง สภ.ธาตุพนม เพื่อพบกับ พ.ต.อ.ศรีนคร นัยวัฒน์ ผกก.ฯ ทราบจากเจ้าหน้าที่ว่าเพิ่งเรียกตัวผู้ต้องสงสัยขูดขีดรถยนต์นักท่องเที่ยวมาสอบปากคำ 6 คน ในเบื้องต้นให้การปฏิเสธ และทราบเพิ่มเติมว่าก่อนหน้านี้มีนักท่องเที่ยวที่รู้กฎหมาย ถูกคนเร่ขายดอกไม้ยัดเยียดและด่าเมื่อไม่ยอมซื้อ เข้ามาแจ้งความเพื่อดำเนินคดี ปรากฏว่าผู้ถูกกล่าวหาให้การรับสารภาพ นักท่องเที่ยวรายนั้นแจ้งพนักงานสอบสวนปรับในอัตราสูงสุดคือ 5 พันบาท แต่มีให้เลือก 2 ทาง ถ้าไม่ยอมเสียค่าปรับก็ต้องโกนผม คิดว่าจะมีความเข็ดหลาบ กลับสร้างปัญหาให้กับผู้คนเป็นวงกว้างเพิ่มขึ้น โดยตำรวจได้ตามจับมาหลายครั้งแล้ว และเปรียบเทียบปรับมาอัตราขั้นต่ำคือ 1 พันบาท ในข้อหาผู้ใดกระทำอันเป็นการรังแก ข่มเหง หรือกระทำให้ได้รับความอับอาย หรือเดือดร้อนรำคาญ ตาม ป.อาญา ม.397 วรรค 1 มีโทษปรับไม่เกิน 5 พันบาท
