นครพนม – ลุงควงผู้ใหญ่บ้านแจ้งความ ไม่รับรองหมุดแนวเขต งานเข้านายก อบต.ฯ เซ็นรับรองโดยไม่ได้ลงพื้นที่
วันที่ 6 ธันวาคม 2563 นายเริง ผุยเหง้า อายุ 78 ปี บ้านเลขที่ 36 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้มอบอำนาจให้กับนายณพล ใบเงิน ทนายความชื่อดัง แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน ดำเนินคดีกับนายพิทักษ์ คังกัน นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองเทา(นายก อบต.ฯ) ในข้อหารับรองเอกสารเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162 นายมานิต มีใหญ่ นายช่างรังวัดสำนักงานที่ดินจังหวัดนครพนม สาขาท่าอุเทน ในข้อหาเป็นเจ้าพนักงานทำเอกสารเท็จ ตามประมวลกฎหมายอาญา ในมาตรา 161 และ นางละเอียด ผุยเหง้า อายุ 43 ปี 26 หมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ในข้อหาเป็นผู้ร่วมสนับสนุนในการกระทำผิดร่วมกับเจ้าพนักงาน หรืออาจจะพ่วงความผิดฐานบุกรุกที่ดินผู้อื่นอีกข้อหาหนึ่ง พร้อมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป
โดยนายณพลเปิดเผยว่าการแจ้งความดำเนินกับบุคคลทั้งสาม สืบเนื่องจากมีข้อพิพาทที่ดินระหว่างหลานสาวกับลุง กล่าวคือนางละเอียดยื่นฟ้องขับไล่และเรียกค่าเสียหายเป็นเงินจำนวน 300,000 บาท ต่อศาลจังหวัดนครพนม ศาลฯนัดไกล่เกลี่ยและสืบพยานเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา แต่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ ศาลฯจึงมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินฯ สาขาท่าอุเทน ทำแผนที่พิพาทแล้วส่งแผนที่พิพาทให้ศาลก่อนวันที่ 26 มกราคม 2564
ต่อมาวันที่ 4 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทั้งสองได้นัดหมายร่วมกันชี้แนวเขตแผนที่พิพาท โดยมีนายมานิต มีใหญ่ นายช่างรังวัดฯเป็นผู้ดำเนินการรังวัดที่ดิน ขณะที่นางละเอียดก็นำทนายความมาร่วมนำชี้ ส่วนนายเริงคู่กรณีก็ให้ตนมาร่วมนำชี้เช่นเดียวกัน แต่ปรากฏว่านายมานิตไม่ยอมให้นายเริงนำชี้แนวเขตของตัวเอง ตรงกันข้ามกลับอนุญาตให้นางละเอียดเดินชี้แนวเขตทับเข้าไปในที่ดินของนายเริง ทั้งๆที่คำสั่งศาลฯระบุให้คู่ความนำชี้แนวเขตที่ดินที่ตนเองครอบครอง แม้นจะการคัดค้านแล้วก็ตาม นายมานิตอ้างว่าคำสั่งศาลฯไม่ชัดเจน จึงจะขอทำหนังสือสอบถามความชัดเจนต่อศาลจังหวัดนครพนมก่อน จึงจะนัดรังวัดอีกครั้งหนึ่ง ตนจึงเห็นว่านายมานิตอาจปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ นายเริงจึงรับมอบอำนาจไปแจ้งความร้องทุกข์เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อบุคคลทั้งสามดังกล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า กรณีพิพาทที่ดินระหว่างลุงกับหลานสาวครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่หลังจากนางละเอียดได้เป็นผู้รับโอนมรดกจากบิดาคือนายถวิล ผุยเหง้า ที่เสียชีวิตไปแล้ว เมื่อวันที่ 15 กันยายน 2559 จำนวน 19 ไร่ 40 ตารางวา จากนั้นนางละเอียดได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวไปจำนองกับธนาคารเพื่อการเกษตรฯสาขาท่าอุเทน จำนวน 904,000 บาท (ปัจจุบันยังค้างจำนองอยู่)
วันที่ 9 มีนาคม 2563 นางละเอียดขอยื่นรังวัดที่ดินจำนวน 19 ไร่ 40 ตารางวา ต่อสำนักงานที่ดินฯ สาขาท่าอุเทน โดยมีนายมานิต มีใหญ่ นายช่างรังวัดฯ เป็นผู้บันทึกและลงชื่อเป็นเจ้าพนักงานที่ดิน และในวันเดียวกันนางละเอียดได้ถือหนังสือสำนักงานที่ดินฯ สาขาท่าอุเทน ที่ นพ 0020.02/63 ไปพบกับนายพิทักษ์ คังกัน นายก อบต.หนองเทา เรื่องการระวังแนวเขตและรับรองเขตที่ดิน ในวันที่ 23 เมษายน 2563 มีความตอนท้ายระบุว่า”ถ้านายก อบต.ฯ ไปคอยระวังชี้แนวเขตด้วยตนเองไม่ได้ ก็มอบอำนาจผู้หนึ่งผู้ใดไปคอยระวังชี้แนวเขตแทน” ซึ่งนายพิทักษ์ลงชื่อรับ
เมื่อถึงวันดังกล่าวปรากฏว่าไม่มีนายก อบต.หนองเทา หรือผู้แทนมาร่วมชี้แนวเขตแต่อย่างใด ขณะเดียวกันฝ่ายปกครองก็ไม่มีผู้นำชุมชนคือผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ร่วมระวังชี้แนวเขตเช่นเดียวกัน มีเพียงนายมานิต มีใหญ่ นายช่างรังวัดฯ กับนางละเอียดผู้ยื่นขอสอบเขตรังวัดเท่านั้น และฝั่งนายเริงคู่กรณีได้นำหนังสือใบจองออกมาคัดค้าน นายมานิตไม่ยอมรับฟังกลับไล่ให้เอาใบจองไปเผาทิ้ง และเดินปักหมุดหลักเขตลงกลางสวนยางพาราบนที่ดินของนายเริง
จากนั้นเวลาประมาณ 14.00 น. นางละเอียดได้นำเอกสารรับรองแนวเขตไปที่วัดโพนสิมมา เพื่อพบกับนายจำรัส ศิริดวงใจ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 4 บ้านเหล่าสวนกล้วย ขณะกำลังพัฒนาวัดอยู่กับทหาร โดยนางละเอียดอ้างว่า”ช่วยเซ็นชื่อรับรองการลงพื้นที่มาสอบเขตให้หน่อย..” ตนจึงเซ็นชื่อลงไปโดยไม่ได้อ่านข้อความ เพิ่งมาทราบภายหลังเกี่ยวกับการที่ตนลงชื่อในเอกสารดังกล่าวนั้น กลายเป็นการลงชื่อรับรองหลักเขตที่ปักหมายเขตที่ดินทางสาธารณประโยชน์ ในฐานะตนเป็นเจ้าของที่ดินข้างเคียงกับโฉนดที่ดินของนางละเอียด เป็นการรับรองเขตทางสาธารณประโยชน์ที่ไม่ถูกต้อง และปักรุกล้ำเข้าไปในเขตที่ดินของนายเริง ทำให้นายเริงได้รับความเดือดร้อนเสียหาย
นายจำรัส ศิริดวงใจ ผู้ใหญ่บ้านเหล่าสวนกล้วย เปิดเผยว่า ตนไม่ได้รับหนังสือมอบอำนาจจากนายอำเภอท่าอุเทน และไม่ได้รับแจ้งจากสำนักงานที่ดินฯ สาขาท่าอุเทน ในวันสอบเขตรังวัดตนจึงไม่ทราบ และไม่ได้ร่วมชี้แนวเขตทางสาธารณประโยชน์ แต่กลับพบว่ามีหนังสือมอบอำนาจของนายอำเภอฯปรากฏเป็นหลักฐานในเอกสารการสอบเขตรังวัดที่ดินของนางละเอียด และมีลายมือชื่อของตนเซ็นรับรอง จึงเชื่อว่าตนเซ็นชื่อลงไปโดยไม่ได้อ่าน เมื่อครั้งที่นางละเอียดนำไปให้ตนที่วัด จึงมอบอำนาจให้ทนายแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.ท่าอุเทน ดังกล่าว
โฉนดที่ดินเลขที่ 11150 จำนวน 19 ไร่ 40 ตารางวา ที่มีนางละเอียด ผุยเหง้า เป็นผู้ครองครอบในปัจจุบัน ได้ออกตาม น.ส.3 ก. เลขที่ 1604 ตามความในมาตรา 58 ตรี ประมวลกฎหมายที่ดิน เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2525 ดังนั้นจึงไม่มีหลักหมุดโฉนด ซึ่งในปี 2521 ที่ครั้งยังไม่ได้ออกเป็น น.ส.3 ก.นั้น นายถวิล ผุยเหง้า ขณะนั้นอายุ 35 ปี ได้ทำเรื่องขอจับจองเข้าไปประกอบการทำมาหาเลี้ยงชีพในที่ดินต่อนายอำเภอท่าอุเทน(ในขณะนั้น) โดยระบุว่าทิศเหนือติดกับที่ดินนายมี แก้วพุธ ทิศใต้จดทางสาธารณประโยชน์ ทิศตะวันออกติดกับที่ดินนายทัน แพงเนตร และทิศตะวันตกจดทางสาธารณประโยชน์
ต่อมาวันที่ 12 พฤษภาคม 2525 จึงได้รับเป็น น.ส.3 ก.เลขที่ 1604 ซึ่งในแผนที่ได้ระบุแนวเขตตามที่กล่าวข้างต้นของปี 2521 กระทั่งถึงปี 2541 ก็ได้ออกเป็นโฉนดแผนที่ก็ยังเป็นรูปเดิม
ภายหลังที่นางละเอียดเป็นผู้ครอบครอง ก็ยื่นหนังสือสอบเขตต่อนายมานิต มีใหญ่ นายช่างรังวัดฯ แผนที่ได้ถูกเปลี่ยนแปลงจากเดิม กลายเป็นว่าที่ดินของนางละเอียดมีทางสาธารณประโยชน์ล้อมรอบทั้ง 4 ทิศ และยื่นฟ้องขับไล่พร้อมเรียกค่าเสียหายจากนายเริงผู้เป็นลุง เป็นเงินจำนวน 3 แสนบาท แม้จะมีชาวบ้านออกมาคัดค้านว่าทางสาธารณประโยชน์ที่งอกมาใหม่นั้น เกิดมาไม่เคยเห็นมาก่อน ก็ไม่มีผู้ใดฟัง จึงนำมาสู่การเปิดศึกสายเลือดในเครือญาติดังกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: