นครพนม – ททท.ฯ เชิญสมาคมนักข่าวนครพนม ร่วมงานท่องเที่ยว Amazing อีสาน (ไตรมาส 2) ตอน “หมอลำ & คาบาเร่ต์ @ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ขอนแก่น วันแรกแวะหมู่บ้านนานาชาติ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์
วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา 08.30 น. นางสาวกนกวรรณ ดุงศรีแก้ว ผู้อำนวยการฯ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานนครพนม เชิญชวนสื่อมวลชนจากสมาคมนักข่าวจังหวัดนครพนม นำทีมโดยนางสาวสิริภรณ์ เถาว์สี เจ้าของเพจ”สิรินิวส์” อันโด่งดัง เดินทางออกจากสำนักงานฯริมฝั่งแม่น้ำโขง ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อร่วมงานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว Amazing อีสาน (ไตรมาส 2) ตอน “หมอลำ & คาบาเร่ต์ @ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดขอนแก่น วันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2564
ระหว่างการเดินทาง ททท.สำนักงานนครพนม ได้พาคณะสมาคมนักข่าวฯ แวะสำรวจศักยภาพแหล่งท่องเที่ยวเชิงจิตอาสา หมู่บ้านนานาชาติเปรมปรีดี (Prampredee International Eco Village) เขตอำเภอเมือง จังหวัดกาฬสินธุ์ ) ซึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ที่ดึงดูดจิตอาสาจากทั่วโลกมาจัดค่ายให้เยาวชนไทยได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษและใช้ชีวิตในวิถีพอเพียงตามพระราชดำรัสของรัชกาลที่ 9
ข่าวน่าสนใจ:
- หนาวนี้ไปแอ่วเมืองเจียงฮายกั๋นเต๊อะ! ส่อง 7 อีเวนต์ไฮไลต์ใน “เทศกาลสีสันกาสะลอง 2024”
- ทม.หัวหิน จัดเต็ม แสงสีเสียงตระการตา ชวนย้อนวันวานในงาน "113 ปี หัวหินถิ่นมนต์ขลัง"
- ขอเชิญมาร่วมสัมผัส “ลมหนาว ริมฝั่งโขง ชมอุโมงไฟ ยาวที่สุด” ที่นครพนม
- ฝ่ายปกครอง อ.ปลาปากสนธิกำลังตร .บุกรวบหนุ่ม 20 ขาใหญ่ จำหน่ายยาบ้า โดดหลังบ้าน คว้ามีดพร้าเปิดทาง หลบหนีไปไม่รอด
โดยมีคุณขวัญชัย ปรีดี อดีตช่างภาพแฟชั่นจากลอนดอนที่ตัดสินใจหวนสู่บ้านเกิด ก่อตั้งหมู่บ้านนานาชาติเปรมปรีดี ในจังหวัดกาฬสินธุ์ที่ชวนเยาวชนไทยมาฝึกภาษาอังกฤษ ทำความดีและใช้ชีวิตวิถีพอเพียง จึงจะได้ยินเสียงชายหนุ่มผู้สร้างสถานที่แห่งนี้ ยืนพูดคุยกับน้องๆ นักเรียนมัธยมที่มาเข้าค่าย คุยเป็นภาษาอังกฤษสลับกับเสียงหัวเราะของเด็กหนุ่มและเด็กสาว
คุณขวัญชัยเปิดเผยว่าตั้งใจพัฒนาผืนดินรกร้างของตระกูลที่ปลูกพืชทำกินไม่ได้ สู่การเป็นหมู่บ้านนานาชาติเปรมปรีดี ที่เชื่อมโยงจิตอาสากว่า 100 ชีวิต จาก 20 ประเทศทั่วโลกให้มาเจอกันตลอดทั้งปี ตามสโลแกนที่ว่า ‘ฝึกภาษา ทำความดี ในวิถีพอเพียง’
“ผมเป็นเด็กที่ไม่เอาไหน เรียนไม่เก่ง สอบเข้ามหาวิทยาลัยไม่ติด แต่จุดพลิกผันของชีวิตเกิดขึ้นเมื่อได้มีโอกาสไปเรียนต่อในการศึกษาระบบพิเศษ จึงหันมาตั้งใจเรียนอย่างคร่ำเคร่งจนมีโอกาสได้เป็นนักศึกษาฝึกงานที่สหรัฐอเมริกา ตอนนี้เองผมเริ่มรู้แล้วว่าชีวิตต่อจากนี้ต้องการอะไร และจะเดินไปยังทิศทางใด ผมจึงเบนเข็มทิศตัวเองด้วยการไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวที่นิวยอร์กในฐานะกราฟิกดีไซเนอร์ ทำงานสอนทำแอนิเมชัน สร้างการ์ตูนแบบ 2D หลังจากนั้นก็ได้ทำงานในบริษัทเฟอร์นิเจอร์ที่แอลเออยู่พักใหญ่ กระทั่งเพื่อนคนหนึ่งชวนไปอยู่ลอนดอนด้วยกัน ด้วยความอยากเรียนรู้โลกให้กว้างขึ้น ผมจึงตอบตกลง และย้ายไปอยู่ที่ประเทศอังกฤษ
ลอนดอนไม่แออัดเหมือนนิวยอร์ก มีทั้งธรรมชาติและงานที่ดี ก็เลยบอกที่บ้านว่าคงจะอยู่ที่นี่แล้วล่ะ แล้วลงเรียนปริญญาตรีอีกหนึ่งใบเพื่อที่จะได้วีซ่าอีกสี่ปี สภาพชีวิตของเราในลอนดอนค่อนข้างดี ถ้าคุณไม่ขี้เกียจหรือติดการพนัน คุณมีแต่เหลือกับเหลือ เพราะว่า Standard Of Living เขาโอเคมาก ยิ่งเรามีความสามารถอื่นๆ นอกเหนือจากทักษะพื้นฐาน มันยิ่งโอเค” คุณขวัญชัย กล่าว
จนวันหนึ่งคุณขวัญชัยก็มีความคิดอยากกลับเมืองไทย เพื่อช่วยพัฒนาให้สังคมดีขึ้น เขาอยากกลับประเทศไทย กลับมาทำชุมชนเล็กๆ แล้วชวนอาสาสมัครจากทั่วโลกมาเจอกัน และให้เด็กไทยได้ทำกิจกรรมที่ใช้ภาษาอังกฤษจริงๆ เหมือนอยู่ต่างประเทศ พาเด็กๆ ทำงานจิตอาสา ได้ทำความดีด้วย ได้ใช้ภาษาอังกฤษด้วย นี่คือภาพดราฟต์แรกและดราฟต์เดียวในหัว ก่อนจะถูกพัฒนาให้เป็นภาพจริงตรงหน้าในวันนี้
จากนั้นก็เดินทางต่อสู้จังหวัดขอนแก่น เยี่ยมชมวัดทุ่งเศรษฐี ตั้งอยู่ใน ต.พระลับ อ.เมือง จ.ขอนแก่น มี “มหาเจดีย์รัตนะ” หรือ “มหาเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุ” ได้ถูกสร้างโดยความริเริ่มของหลวงตาอ๋อยหรือที่รู้จักกันในนาม “หลวงตาย่ามแดง” ท่านได้ชักชวนลูกหลานศิษยานุศิษย์ร่วมกันสร้างมหารัตนเจดีย์ฯแห่งนี้บนที่ดินแปลงหนึ่งของท่าน ความโดดเด่นของมหาเจดีย์ ที่รูปแบบการก่อสร้างที่สะท้อนถึงความเชื่อต่างๆ เป็นการผสมผสานกันอย่างลงตัวระหว่างองค์เจดีย์สำคัญทั้ง 3 โลก คือ เจดีย์จุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ นครเจดีย์ในนาคพิภพ และมหารัตนเจดีย์ศรีไตรโลกธาตุบนโลกมนุษย์
พระมหาเจดีย์สร้างมาจากความเชื่อที่ว่า จุดนี้คือบริเวณที่เชื่อมต่อระหว่าง 3 โลกธาตุ ทั้งสวรรค์ มนุษย์ และเมืองบาดาล ตั้งอยู่ท่ามกลางบึงน้ำล้อมรอบ ตกแต่งบันไดทั้ง 4 ด้าน ด้วยลวดลายของสัตว์ 4 ตระกูล เรียกว่า บันไดธาตุสี่ พร้อมผู้ดูแลทั้ง 4 ทิศ องค์พระเจดีย์ออกแบบเป็นเจดีย์โถงโล่ง ทรงระฆังคว่ำ แบบนานาชาติ ทั้งไทยธิเบต จีน ฝรั่ง ผสมผสานกันอย่างสวยงาม นับถือว่าตำแหน่งของพระมหาเจดีย์ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างเจดีย์จุฬามณี ซึ่งบรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่ขวาบนในสวรรค์ชั้นดาวดึงส์กับนาคเจดีย์ในนาคพิภพซึ่งบรรจุพระเขี้ยวแก้วซี่ซ้ายล่าง ดังนั้นเมื่อผู้ใดได้มาสักการะพระมหาเจดีย์แห่งนี้ก็เท่ากับได้กราบไหว้บูชาเจดีย์ทั้งสามองค์ในสามโลกธาตุในคราเดียวกัน
และจุดสุดท้ายของการเดินทางวันแรกของ ททท.นครพนมที่ร่วมงานส่งเสริมการขายการท่องเที่ยว Amazing อีสาน (ไตรมาส 2) ตอน “หมอลำ & คาบาเร่ต์ @ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ณ จังหวัดขอนแก่น คือ สักการะพระมหาธาตุแก่นนคร วัดหนองแวงพระอารามหลวง ตั้งอยู่ที่ถนนกลางเมือง ริมบึงแก่นนคร ภายในวัดมีพระมหาธาตุแก่นนคร หรือ พระธาตุเก้าชั้นฐานสี่เหลี่ยม กว้างด้านละ 50 เมตร เรือนยอดทรงเจดีย์จำลองแบบจากพระธาตุขามแก่น จัดสร้างขึ้น เนื่องในวโรกาสที่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี และมหามังคลานุสรณ์ 200 ปี เมืองขอนแก่น ความสูงขององค์พระธาตุฯ 80 เมตร มีพระจุลธาตุ 4 องค์ ตั้งอยู่ 4 มุม และมีกำแพงแก้วพญานาค 7 เศียรล้อมรอบ เป็นศิลปะสมัยทวาราวดี ผสมผสานศิลปะอินโดจีน ซึ่งเป็นลักษณะแบบชาวอีสาน
ภายในองค์พระธาตุของแต่ละชั้นมีดังนี้ ชั้นที่ 1 เป็นหอประชุมมีพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า ส่วนอุรังคธาตุ (ส่วนอก) และพระธาตุของพระสาวกประมาณ 100 องค์ ประดิษฐานอยู่ บานประตู หน้าต่าง แกะสลักภาพนิทานเรื่องจำปา 4 ต้น แบบ 3 มิติ และมีจิตรกรรมฝาผนัง ประวัติศาสตร์เมืองขอนแก่น
ชั้นที่ 2 เป็นพิพิธภัณฑ์ของชาวอีสาน โดยเก็บรวบรวมข้าวของเครื่องใช้ในอดีต ที่ค่อนข้างหาดูได้ยากในปัจจุบัน พร้อมทั้งการวาดลวดลายบนผนังที่เกี่ยวกับข้อห้ามของคนอีสาน ที่เรียกว่า “คะลำ” ซึ่งเป็นแนวประพฤติตนในการอยู่ร่วมกันของชาวอีสาน โดยแต่ละภาพก็หมายถึงข้อห้ามแต่ละข้อ ซึ่งมีทั้งหมด 35 ข้อ ส่วนบานประตู หน้าต่าง เขียนลวดลายเบญจรงค์ และภาพแกะสลัก นิทานเรื่องสังศิลป์ชัย
ชั้นที่ 3 เป็นหอปริยัติ บานประตู หน้าต่าง เขียนลวดลายเบญจรงค์และภาพแกะสลักนิทานเรื่องนางผมหอม เป็นนิทานที่ได้เล่าสืบต่อกันมาแต่โบราณของชาวอีสาน และในชั้นที่สามนี้ได้รวบรวมตาลปัตร พัดยศ และเครื่องอัฐบริขาร ของพระภิกษุสงฆ์ที่มีชื่อเสียงในจังหวัดขอนแก่น ชั้นที่ 4 เป็นหอปริยัติธรรม ภายในมีพิพิธภัณฑ์ของเก่า ภาพวาดที่บานประตู หน้าต่าง เป็นภาพพระประจำวันเกิด เทพประจำทิศ และตัวพึ่ง-ตัวเสวย ชั้นที่ 5 เป็นหอพิพิธภัณฑ์มีบริขารของหลวงปู่พระครูปลัดบุษบา สุมโน อดีตเจ้าอาวาสวัดรูปที่ 6 บานประตูหน้าต่างแกะสลักภาพพุทธชาดก
ชั้นที่ 6 เป็นหอพระอุปัชฌายาจารย์บานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานชาดกเรื่องเวสสันดร ชั้นที่ 7 เป็นหอพระอรหันต์สาวกบานประตูหน้าต่างแกะสลักนิทานเรื่องพระเตย์มีใบ้ ชั้นที่ 8 เป็นหอพระธรรมเป็นที่รวบรวมพระธรรม คัมภีร์สำคัญทางพระพุทธศาสนา พระไตรปิฏก ฯลฯ บานประตูแกะสลักรูปพรหม 16 ชั้น และชั้นที่ 9 เป็นหอพระพุทธตรงกลางมีบุษบก เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า บานประตูแกะสลักภาพ 3 มิติ รูปพรหม 16 ชั้น
ประวัติวัดหนองแวงเดิมชื่อวัดเหนือ ตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2332 พร้อมกับวัดกลาง และวัดธาตุ โดยท้าวเพียเมืองแพน เจ้าเมืองคนแรก ณ บ้านบึงบอน (บึงแก่นนคร) พ.ศ.2354 ท้าวจามมุตร ท้ายเพียเมืองแพน เจ้าเมืองคนที่ 2 ได้ย้ายเมืองไปอยู่บ้านดอนพันชาติ เขตเมืองมหาสารคาม (บ้านโนนเมือง ต.แพง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม) บ้านบึงบอนจึงกลายเป็นเมืองเก่าตั้งแต่นั้นมา ปัจจุบันตั้งอยู่ เลขที่ 593 ถนนกลางเมือง ต.ในเมือง อ.เมืองขอนแก่น จ.ขอนแก่น ได้รับพระราชทาน วิสุงคามสีมาครั้งแรก เมื่อปี พ.ศ.2442 โดยพระยานครศรีบริรักษ์(อู๋) และได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาครั้งสุดท้าย เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2527 เขตวิสุงคามสีมา กว้าง 40 เมตร ยาว 80 เมตร มีเนื้อที่ดินที่ตั้งวัด 26 ไร่ 65 ตารางวา โดยมีหนังสือแสดง กรรมสิทธิ์เป็นโฉนด 713 เลขที่ 28 หน้าสำรวจ 794 เล่มที่ 8 หน้า 13
ลักษณะพื้นที่ตั้งวัดและบริเวณโดยรอบเป็นที่ราบเรียบ เป็นลักษณะ 6 เหลี่ยม มีหมู่บ้านล้อมรอบสามด้าน และมีบึงแก่นนครอยู่ ทางทิศตะวันออกของวัด เคยได้รับรางวัลเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง ปี พ.ศ.2524 เป็นวัดพัฒนาดีเด่น ปี พ.ศ. 2526 และทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ยกฐานะขึ้นเป็นพระอารามหลวง ปี พ.ศ. 2527
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: