นครพนม – ตื่นตาสวยงามสุดอลังการ วัดดังนครพนม พุทธนิมิต พระเจ้าอาวาส ออกกุสโลบายปริศนาธรรม สร้างอุโบสถ ออกแบบลวดลายศิลปะร่วมสมัยปูนปั้นนูนต่ำ เชียงของ ผสมผสานล้านนาหลวงพระบาง ผนวกสัตว์ในตำนาน หิมพานต์ หาดูยาก ใช้เวลาสร้างร่วม 10 ปี มูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ตั้งเป้าสร้างความแตกต่าง เป็นจุดสนใจ ดึงคนเข้าวัดทำบุญ ขัดกล่อมจิตใจ ส่งเสริมท่องเที่ยวเชิงธรรมมะ
เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ได้มีวัดศักดิ์สิทธิ์ สำคัญอีกแห่งหนึ่ง เป็นที่น่าสนใจแก่ประชาชน นักท่องเที่ยว เหมาะที่จะมาท่องเที่ยว เชิงธรรมมะ ในช่วงวันหยุดยาว ใกล้เทศกาลสงกรานต์ รวมถึงช่วงผ่อนคลายจากสถานการณ์โควิด คือวัดพุทธนิมิต บ้านหนองเทา หมู่ 7 ต.หนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เนื่องจากเป็นวัดเก่าแก่โบราณ พื้นที่ติดแม่น้ำโขง ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ โดยวัดแห่งนี้เดิม เจ้าอธิการ สุพิช รตนโชโต อายุ 45 ปี อดีตพระเจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต และมีตำแหน่งเป็นอดีตพระเจ้าคณะตำบลหนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ปัจจุบันได้ลาสึกขาไปใช้ชีวิตทางโลก เมื่อประมาณ 4 -5 ปี ที่ผ่านมา ท่านเป็นต้นกำเนิด แนวคิด ออกกุสโลบายปริศนาธรรม ในการออกแบบสร้างอุโบสถ ด้วยความชอบด้านศิลปะ เป็นการส่วนตัว จึงออกแนวความคิด ทำการก่อสร้างอุโบสถของวัด เพื่อใช้ในการปฏิบัติกิจของสงฆ์ ที่แตกต่างจากวัดทั่วไป และถือว่ามีความสวยงามอลังการหาดูยาก เป็นที่เดียวในอีสานก็ว่าได้
สำหรับการออกแบบก่อสร้างอุโบสถแห่งนี้ จะมีความแตกต่างจากวัดทั่วไปคือ การตกแต่งด้วยงานปูนปั้น เริ่มจากภายในจะวาดภาพพุทธประวัติด้วยสีน้ำ รวมถึง ประเพณีอีสาน ฮีต 12 คลอง 14 รอบภายในฝาผนัง และภายในยังเป็นที่ประดิษฐาน องค์พระพุทธชินราช ให้ประชาชน นักท่องเที่ยวได้กราบไหว้บูชาขอพร ส่วนรอบนอก ตั้งแต่หลังคาอุโบสถ รวมถึงรอบนอกตัวอุโบสถ จะเป็นการแกะสลักลวดลาย ประดับตกแต่งด้วยศิลปะร่วมสมัย เป็นศิลปะเชียงของ ผสมผสานกับศิลปะล้านนา ที่ส่วนใหญ่จะพบเห็นแถบเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว ทำให้มีรูปแบบ ลวดลายวิจิตรสวยงาม อลังการ ละเอียดอ่อน ส่วนใหญ่จะเป็นการปูนปั้น เป็นภาพนูนต่ำ ทำให้ลวดลายออกมาสวยงาม ละเอียดอ่อน ส่วนทางขึ้นอุโบสถ 3 ด้าน จะมีงานปั้น พญานาครูปแบบลวดลายที่สวยงาม รวมถึง องค์ปู่องค์ย่า พญานาคกึ่งคน และมีการปั้น สิงห์สัตว์ป่าในตำนานป่าหิมพานต์ ที่มีลวดลายปูนปั้นผสมผสานศิลปะร่วมสมัย สร้างความสนใจให้กับ ประชาชน นักท่องเที่ยว ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก สร้างความตื่นตา เป็นกุสโลบาย ดึงดูดให้ ประชาชน นักท่องเที่ยว เข้าวัด ฟังธรรม เป็นปริศนาธรรมสั่งสอนไปในตัว รวมถึงเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงธรรมมะ อีกด้วย นอกจากนี้ ด้านหลังวัด ยังมีการก่อสร้าง พระพุทธรูปขนาดใหญ่ หลวงพ่อใหญ่ รวมถึงองค์พญานาคคู่ ขนาดใหญ่ ไว้ริมฝั่งแม่น้ำโขง ไว้เป็นที่สักการบูชา ของชาวไทย และชาวลาว
ด้าน เจ้าอธิการสงัด กตปุญโญ อายุ 44 ปี เจ้าอาวาสวัดพุทธนิมิต รูปปัจจุบัน และยังมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลหนองเทา อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม เล่าถึงประวัติความเป็นมาว่า เดิม เจ้าอาวาสรูปเก่า คือ เจ้าอธิการ สุพิช รตนโชโต อายุ 50 ปี หลังจากได้อุปสมบทมาเป็นเวลากว่า 23 พรรษา ในอดีตได้เดินธุดงค์ มาจนกระทั่งพบวัดแห่งนี้มีความร่มเย็น ติดกับน้ำโขง จึงได้พัฒนาบุกเบิกเป็นวัดมาตั้งแต่ปี 2538 ทำให้ชาวบ้านมีจิตศรัทธา ร่วมพัฒนา ก่อสร้างวัดต่อเนื่อง จนกระทั่งปี 2547 ได้มีการออกแบบสร้างอุโบสถ เพื่อเป็นสถานที่ปฏิบัติกิจสงฆ์ ภายใต้แรงศรัทธาของชาวบ้าน และผู้จิตศรัทธา รวมระยะเวลา 9 ปี แล้วเสร็จสมบูรณ์ ประมาณปี 2557 ที่สำคัญ อุโบสถแห่งนี้ได้มีวัตถุประสงค์ เป้าหมาย เน้นในเรื่องความแตกต่างให้เกิดความโดดเด่นจากวัดทั่วไป เป็นกุสโลบาย ปริศนาธรรม แก่พุทธศาสนิกชน โดยนำเอาศิลปะเชียงทอง ผสมล้านช้าง มาผสมผสาน งานประติมากรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะพบเห็นตามวัดแถบเมืองหลวงพระบาง สปป.ลาว ถือว่าหาดูได้ยาก โดยได้ออกแบบ ร่วมกับช่างศิลป์ที่รู้จักกัน ร่วมกันสร้างขึ้นด้วยความศรัทธา เป็นเงินงบประมาณ เกือบ 30 ล้านบาท ได้มาจากปัจจัยผู้มีจิตศรัทธาทั้งหมด ซึ่งอุโบสถแห่งนี้จะมีจุดเด่น ตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้างฐานด้วยหินแม่น้ำโขง หลังคามุงด้วยกระเบื้องไม้แท้ ส่วนลวดลายฝาผนัง หน้าจั่วภายนอก จะเป็นการปั้นปูน ประดับตกแต่งด้วยกระจกเงา สร้างความสวยงาม วิจิตรการตา มากขึ้น บันไดทางขึ้น จะมีการปั้นรูปพญานาค รวมถึงพญานาคครึ่งคน ที่เป็นองค์นาคี นาคา สื่อถึงตำนานพญานาคที่มีอิทธิฤทธิ์ ที่สามารถแปลงร่างเป็นคนได้ ไปจนถึง สิงห์ทิพย์ ที่ออกแบบลวดลายผสมผสานกึ่งสัตว์ในวรรณคดี ให้มีรูปแบบลวดลายที่สวยงามโดดเด่น ส่วนรอบหลังคา จะประดับด้วย สัตว์ประจำปีเกิด 12 นักษัตร และภายในจะเขียนด้วยสีน้ำ เป็นพุทธประวัติ และประเพณีอีสาน ฮีต 12 คลอง 14 และมีพระพุทธชินราช ประดิษฐานไว้ ถือว่าเป็นศิลปะการก่อสร้างที่สวยงาม หาดูได้ยาก
เจ้าอธิการสงัด กตปุญโญ กล่าวอีกว่า สำหรับเจตนาในการก่อสร้าง ได้มุ่งเน้นในเรื่องของปริศนาธรรม ที่ต้องการสร้างจุดเด่น ให้ประชาชน นักท่องเที่ยว ลูกหลานเยาวชน ได้สนใจ เข้ามาวัด ได้มาเยี่ยมชม และได้รำลึกถึงประวัติความเป็นมาของพระพุทธเจ้า และความสำคัญของพระพุทธศาสนา เป็นการเป็นการขัดเกลาจิตใจของคนไปด้วย อย่างน้อยเมื่อเข้าวัดจะได้ความสงบ ร่มเย็น เนื่องจากปัจจุบันสังคมเปลี่ยนไป ทำให้คนไม่ค่อยเข้าวัดฟังธรรม จึงต้องใช้กุสโลบาย เข้ามาช่วย โดยทางวัดยินดีต้อนรับ ประชาชน นักท่องเที่ยว ที่จะเข้ามาเที่ยวชม หรือร่วมทำบุญตามกำลังศรัทธา นอกจากจะได้มาเยี่ยมชมกราบไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ ในอุโบสถ ยังจะได้กราบไหว้นมัสการหลวงพ่อใหญ่ หน้าตักประมาณ 10 เมตร สูงเกือบ 20 เมตร ที่สร้างขึ้นริมแม่น้ำโขงหลังวัด และพญานาคองค์ใหญ่ เป็นการแสดงออกถึงความเลื่อมใสศรัทธาของชาวไทย ชาวลาว ในพระพุทธศาสนา จากอดีตถึงปัจจุบัน
