X

ท่าทรายนครพนมบางแห่ง “บอดใส” เลี่ยงจ่ายค่าธรรมเนียมรวมกว่า 10 ล้านบาทนานนับปี

นครพนม – ท่าทรายนครพนมบางแห่ง “บอดใส” เลี่ยงจ่ายค่าธรรมเนียมรวมกว่า 10 ล้านบาทนานนับปี  ผู้ว่า”ฮึ่มไม่มีใบเสร็จชำระ งดออกใบอนุญาตดูดทราย

ด้วยในพื้นที่จังหวัดนครพนมมีแม่น้ำโขงไหลผ่านพื้นที่อำเภอบ้านแพง ท่าอุเทน อำเภอเมืองฯ และธาตุพนม รวมระยะทางประมาณ 153 กิโลเมตร ปัจจุบันจึงมีผู้ประกอบกิจการดูดทรายราว 24 ราย ยื่นขอใบอนุญาตประกอบกิจการดังกล่าว ซึ่งมีทั้งการขออนุญาตนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน หรือดูดในเขตราชอาณาจักรไทย โดยมีรายได้รวมแล้วหลายร้อยล้านบาทต่อปี

ซึ่งปรากฏว่าทุกปีกลุ่มผู้ดูดทรายบางแห่ง มักจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปจับกุมอยู่เสนอ จากการกระทำผิดกฎหมายที่ไม่เป็นไปตามการขออนุญาต บางแห่งก็ตุกติกซิกแซกหลบเลี่ยงการชำระค่าธรรมเนียม โดยอาศัยความคุ้นเคยกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ทำให้รัฐสูญเสียการจัดเก็บรายได้จากการประกอบกิจการ

ล่าสุด นายไกรสร กองฉลาด ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวเกี่ยวกับกรณีนี้ว่า “เรื่องนำทรายเข้าส่วนนี้เป็นอำนาจของศุลกากร ไม่ใช่อำนาจของจังหวัด แต่อำนาจของจังหวัดคือเขาขออนุญาตเข้าเพราะว่าเป็นช่วงของโควิด ในเรื่องของมาตรา 9 ก่อนผมมาดำรงตำแหน่งมีผู้ประกอบการค้างค่าธรรมเนียมไม่ยอมจ่ายค่าธรรมเนียมเป็นเงินกว่า 10 ล้านบาทติดต่อกันมาไม่รู้กี่ปี ก็เลยกำชับไปว่าถ้าไม่ไปเสียค่าธรรมเนียมและไม่เอาใบเสร็จมาแสดงจะไม่มีการเซ็นอนุญาต ถ้าลองไปเช็คดูท้องถิ่นบางแห่งโดยเฉพาะแถวบ้านแพง ท่าอุเทน มีรายได้เข้าท้องถิ่นจากค่าธรรมเนียมตรงนี้ ทีนี้พอเราอนุญาตไปคือต้องเข้าใจว่ามันมีทั้งผลดีและผลเสีย ผลดีก็คือจะมีทรายสะสมขึ้นทุกปี จะสังเกตเห็นว่าจะมีดอนใหม่ๆ หาดใหม่ๆเกิดขึ้น ซึ่งบางทีมันเป็นการขัดแย้งระหว่างประเทศและก็ยังกีดขวางทางเดินเรือ อันที่สองก็จะเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศเพราะว่าทรายเป็นวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้าง แต่สิ่งสำคัญที่เราค่อนข้างกังวลก็คือมีเสียงมาจากฝ่ายความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นทหารหรือตำรวจที่ดูแลเรื่องความมั่นคงว่าให้ระมัดระวังในส่วนของท่าทราย เพราะมักจะมีในเรื่องของการลักลอบนำยาเสพติด ของผิดกฎหมายปะปนมาด้วย รวมถึงแรงงานต่างด้าว ซึ่งก็ได้เรียกประชุมหน่วยงานทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ เพื่อมาพูดคุยขอความคิดเห็น เบื้องต้นก็ได้สั่งการให้ท่านรองธวัชชัย(นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.ฯ) เป็นหัวหน้าทีมออกไปสำรวจท่าทรายต่างๆ พร้อมทั้งกำชับในเรื่องของการติดตั้งกล้องวงจรปิด การระมัดระวังไม่ให้มีของผิดกฎหมายและแรงงานต่างด้าวปะปนเข้ามา และถ้าพบว่าท่าทรายจุดไหนมีการทำผิดกฎหมาย จะสั่งเพิกถอนใบอนุญาตทันที และในเร็วๆนี้จะมีการเชิญผู้ประกอบการท่าทรายทั้งหมดมาซักซ้อมแนวทางปฏิบัติพร้อมทั้งกำชับเรื่องดังกล่าวอีกครั้งหนึ่ง และขอยืนยันว่าหลังจากนี้หากผู้ประกอบการท่าทรายรายใดไม่มีใบเสร็จมายื่นเป็นหลักฐานก็จะไม่มีการเซ็นอนุญาตเด็ดขาด”

ซึ่งมีกรมเจ้าท่าในฐานะหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่ ดูแล รักษาและขุดลอกร่องน้ำ ทางเรือเดิน แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบและทะเลภายในน่านน้ำไทย  ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456 สำหรับการขออนุญาตดูดทราย จะมีอยู่ 3 มิติด้วยกันคือผู้ประกอบการได้รับใบอนุญาตมาแล้ว โดยมีอายุ 1 ปี กฎหมายกำหนดว่าให้ยื่นต่อใบอนุญาตภายใน 90 วันก่อนที่ใบอนุญาตจะหมดอายุ ถ้าผู้ประกอบการปฏิบัติตามและคณะกรรมการระดับกระทรวงยังไม่แจ้งมาให้ถือว่าสามารถดูดทรายได้ แต่ถ้ายื่นต่อใบอนุญาตเกิน 90 วัน กฎหมายกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูดทราย ปี 2546 ถือว่าสิ้นสุดแล้วไม่สามารถดูดทรายได้ ส่วนกรณีที่ไม่ได้ขออนุญาตเลยหรืออยู่ระหว่างการขออนุญาตใหม่ ไม่สามารถดูดทรายได้เช่นเดียวกับผู้ที่ไม่ขออนุญาตในห้วงกำหนดเวลา

เมื่อปี  2557 ทางจังหวัดนครพนมได้มีการแต่งตั้งคณะทำงาน ขึ้นมาจำนวน 3 ชุด ประกอบไปด้วยคณะทำงานว่าด้วยการวางแผนมาตรการในการเฝ้าระวัง ทำหน้าที่ประสานกับท่าทรายในการทำ MOU ตกลงกันเกี่ยวกับการดูดทรายที่ไม่ทำให้เกิดความเสียหายต่อสิ่งแวดล้อม ต่อพื้นที่

ชุดที่ 2 จะเป็นคณะทำงานเกี่ยวกับความมั่นคง ซึ่งจะดูแลเกี่ยวกับเส้นแบ่งแดนของประเทศ การกำกับดูแลให้ผู้ประกอบการปฏิบัติตามแนวกฎหมายอย่างเคร่งครัด ทั้งกรณีที่ท่าทรายที่ข้ามไปดูดทรายประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศเพื่อนบ้านข้ามมาดูดทรายในฝั่งไทย ถ้าไม่ปฏิบัติตามกฎหมายก็จะใช้กฎหมายในส่วนที่เกี่ยวข้องดำเนินคดีไป ส่วนชุดที่ 3 คือคณะกรรมการว่าด้วยการควบคุม ซึ่งจะมีหน้าที่ให้ท่าทรายในฝั่งไทยปฏิบัติตามระเบียบกระทรวงมหาดไทยว่าด้วยการดูดทรายปี 2546 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้การดูดทรายในแหล่งน้ำสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต ถือเป็นความผิดทางกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติการเดินเรือ ในน่านน้ำไทย พ.ศ. 2456  ในมาตรา 120 ที่กำหนดให้เจ้าท่ามีหน้าที่ดูแล รักษาและขุดลอกร่องน้ำ ทางเรือเดิน แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบและทะเลภายในน่านน้ำไทย  โดยห้ามมิให้ผู้ใดขุดลอก แก้ไข หรือทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการเปลี่ยนแปลงร่องน้ำ ทางเรือเดิน แม่น้ำ ลำคลอง ทะเลสาบหรือทะเลภายในน่านน้ำไทย เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากเจ้าท่าผู้ใดฝ่าฝืนต้องระวางโทษปรับตั้งแต่ห้าพันบาทถึงห้าหมื่นบาทและให้เจ้าท่าสั่งให้หยุดกระทำการดังกล่าว

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน