นครพนม – สำนักงานจังหวัดนครพนมเด้งเชือก แจงไม่ขอเปิดเผยข้อมูลงบพัฒนาฯ 595 ล้าน อ้างห่วงรัฐบาลถูกโจมตีต้องรักษาภาพลักษณ์ องค์กรสื่อเคลื่อนไหวจี้ตรวจสอบ หวั่นหมกเม็ดดึงงบประมาณกระจุกบางพื้นที่
วันที่ 30 เมษายน 2564 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานรากตามนโยบายรัฐบาล โดยจังหวัดนครพนม นายไกรสร กองฉลาด ผวจ.นครพนม ได้ลงนามในหนังสือ ที่ นพ.0017.2/63762 ถึงหัวหน้าส่วนราชการ หัวหน้าหน่วยงานรัฐวิสาหกิจ นายอำเภอ ทุกอำเภอ นายกเทศมนตรี และ นายก อบต.ทุกแห่ง ดำเนินการเสนอโครงการพัฒนาและเสริมสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก เมื่อวันที่ 7 เมษายนที่ผ่านมา
ทั้งนี้เพื่อให้ดำเนินการจัดทำเสนอแผนโครงการ ความต้องการของพื้นที่ให้สอดคล้องกับความต้องการประชาชน หรือโครงการที่เสนอโดยภาคประชาสังคม ภาคเอกชน กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และกลุ่มผู้ด้อยโอกาส รวมถึงข้อมูลระบบบริหารจัดการข้อมูลการพัฒนาแบบชี้เป้า มาประกอบจัดทำโครงการ ตามกรอบการดำเนินโครงการ พัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งของเศรษฐกิจฐานราก 4 กลุ่ม นำเสนอต่อคณะกรรมการขับเคลื่อนไทยไปด้วยกันระดับจังหวัด ดำเนินการพิจารณากลั่นกรอง ภายใต้กรอบวงเงินของจังหวัดนครพนม ในวงเงิน 595 ล้านบาท
นอกจากนี้ในหนังสือคำสั่ง ได้มีการระบุว่า ขอความร่วมมือประชาสัมพันธ์เผยแพร่ข้อมูลการเสนอโครงการพัฒนาเสริมสร้างความเข้มแข็งฐานราก ผ่านทางสื่อภายใต้การบริหารงานของหน่วยงาน เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบ และมีส่วนร่วมในการเสนอโครงการที่เป็นความต้องการของพื้นที่ให้ประชาชนเกิดประโยชน์
หลังคำสั่งดังกล่าวออกมา องค์กรสื่อแขนงต่างๆ ของ จ.นครพนม ในฐานะตัวแทนภาคประชาชน ได้เดินทางเข้าพบ นายจรัญศักดิ์ ดวงศรี หัวหน้าสำนักงานจังหวัดนครพนม ในฐานะหน่วยงานที่ดูแลข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับแผนพัฒนาจังหวัดนครพนมในโครงการต่างๆ เพื่อขอแผนการเสนอของบประมาณตามโครงการดังกล่าว กลับถูกให้การปฏิเสธ อ้างว่าไม่สามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ พร้อมระบุเกรงว่าจะมีบุคคลไม่หวังดีนำไปโจมตีรัฐบาล และต้องการรักษาภาพลักษณ์ของรัฐบาล โดยทางตัวแทนองค์กรสื่อจึงได้เสนอยืนยันที่จะจัดทำหนังสือเป็นเอกสารทางราชการ ตาม พ.รบ.ข้อมูลข่าวสาร พ.ศ. 2540 เพื่อขอแผนพัฒนามาเผยแพร่ให้กับประชาชนได้รับรู้ข้อมูลข่าวสาร และรับรู้ที่มาของโครงการพัฒนาต่างๆ ที่จะเกิดประโยชน์แก่ประชาชนสูงสุด รวมถึงต้องติดตามตรวจสอบป้องกันปัญหาการดึงงบประมาณของคนบางกลุ่มที่มีอำนาจบารมีลงพื้นที่ตัวเองแบบกระจุก และไม่ให้มีการแสวงผลประโยชน์จากโครงการ เนื่องจากมีวงเงินงบประมาณสูงกว่า 595 ล้านบาท พร้อมฝากประชาสัมพันธ์ให้ หน่วยงานภาคเอกชน ตัวแทนภาค ประชาชน ร่วมกันออกมาตรวจสอบ
