นครพนม – เหยื่อหนุ่มแบงค์โผล่อีก เหตุเชื่อใจเพื่อนมากเกินไปจึงสูญ 11 ล้าน หลังพ้นวิกฤตโควิดจะแจ้งความผู้ร่วมแก๊งกราวรูด
คืบหน้า คดีนายจิรวัฒน์ ช่างถม หรือบิ๊ก อายุ 30 ปี อดีตพนักงานฝ่ายสินเชื่อของธนาคารแห่งหนึ่งในเขตเทศบาลเมืองนครพนม อยู่บ้านเลขที่ 74 หมู่ 3 บ้านแมด ต.โพนบก อ.โพนสวรรค์ จ.นครพนม ฉ้อโกงเงินจำนวน 7 ล้านบาท โดยผู้เสียหายชื่อนางมะลิ (นามสมมติ) อายุ 65 ปี มอบอำนาจให้นายณพล ใบเงิน ทนายความเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับ ร.ต.อ.(หญิง) จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.เมืองนครพนม ให้ดำเนินคดีอาญากับอดีตพนักงานสินเชื่อรายนี้ ในข้อหาฉ้อโกงเป็นเงินจำนวน 7 ล้านบาท หรือข้อหาอื่นใดที่เกี่ยวข้อง โดยนายบิ๊กให้การรับสารภาพ และซัดทอดผู้ร่วมขบวนการ ประกอบด้วย นางกัญญาพัชญ์ ว่องไว ชื่อสกุลเดิม น.ส.สิริสุดา สุขเกษม ชื่อเล่นโจโจ้ ปัจจุบันเปลี่ยนเป็นบิว อายุ 30 ปี เดิมอยู่บ้านเลขที่ 87/1 หมู่ 4 ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ 112/99 ถนนประชาร่วมมิตร ต.หนองญาติ อ.เมือง จ.นครพนม ซึ่งเป็นเพื่อนนักเรียนโรงเรียนเดียวกัน และสามีคือนายวีระชัย ว่องไว หรือท่อม อายุ 47 ปี มีที่อยู่ในทะเบียนบ้านเลขที่ 107 ถนนราชทัณฑ์ เขตเทศบาลเมืองนครพนม เป็นลูกชายนักธุรกิจเจ้าของรีสอร์ทแห่งหนึ่ง ปัจจุบันกำลังทำธุรกิจบ้านจัดสรรในเขตอำเภอเมืองนครพนม และห้างหุ้นส่วนจำกัดบุญญรินทร์ที่นายท่อมเป็นผู้ถือหุ้นหลัก
ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ให้โอกาสตามคำขอของทนายความฝั่งนางบิว ว่า ทั้งสองไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับนายบิ๊ก แต่กลับเป็นผู้เสียหายที่ถูกนายบิ๊กหลอกด้วย จึงขอเวลา 1 อาทิตย์เพื่อไปรวบรวมเอกสารหลักฐานมายยืนยัน ซึ่งต่อมาภายหลังนายบิ๊กได้ออกมาแฉพฤติกรรมต่างๆ ของเพื่อนสาว อีกทั้งยังมีเหยื่อโผล่เพิ่มขึ้นมาอีก โดยเฉพาะนายบุญเติม (นามสมมติ) ที่อ้างว่ามีศักดิ์เป็นพี่ชายสามีนางบิว ถูกหลอกจนสูญเงินไปกว่า 29 ล้านบาท และกำลังให้ทนายความดำเนินการฟ้องร้องนางบิวน้องสะใภ้รายนี้ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว
ข่าวน่าสนใจ:
- นักศึกษาปี 3 ม.นครพนม ซิ่งจยย.ชนท้ายกระบะเสียชีวิต ขณะเดินทางไปเรียน
- นครพนม : นักวิ่งกว่า 3,000 คน ร่วมการแข่งขัน ‘นครพนม-คำม่วน มาราธอน ซีซั่น 6’ เชื่อมสัมพันธ์สองฝั่งโขง ชมสวยที่สุดที่นครพนม
- นครพนมเดือดร้อน! แม่ค้าหวยร้องไห้ รถจักรยานยนต์พร้อมลอตเตอรี่เกือบ 600 ใบถูกขโมย วอนคนร้ายนำมาคืน
- นครพนม เหตุการณ์สลด! เมีย พบศพสามีนอนเสียชีวิตคาเถียงนา คาดโรคประจำตัว
ล่าสุด วันที่ 17 พฤษภาคม 2564 มีเหยื่อโผล่ขึ้นมาอีก 1 ราย เป็นชาวอำเภอท่าอุเทน จ.นครพนม นามสมมติว่านายเบิร์ดอ้างว่าถูกนายบิ๊กหลอกลวงต้มตุ๋นจนสูญเงินไปจำนวน 11 ล้านบาท โดยพฤติกรรมไม่แตกต่างจากรายแรก ซึ่งนายเบิร์ดเปิดเผยว่ารู้จักกับนายบิ๊กเพราะเป็นเพื่อนกันตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ เริ่มทำธุรกรรมด้านการเงินกรณีมีลูกค้าขาดสภาพคล่อง เช่น ขาดเงินหมื่นสองหมื่นให้ตนช่วยโดยมีค่าตอบแทน ระยะแรกไม่มีปัญหาอะไร ต่อมานายบิ๊กเพิ่มจากหมื่นเป็นแสนตนก็ยังเชื่อใจเพื่อน กระทั่งในระยะสามสี่เดือนมานี้นายบิ๊กขอยืมเงินเป็นล้าน โดยอ้างลูกค้ารีไฟแนนซ์จากแบงค์เก่าย้ายมาธนาคารที่นายบิ๊กทำงานอยู่ บางครั้งก็อ้างว่าจะนำเงินไปปิดหนี้เดิมของลูกค้าเพื่อขอวงเงินเพิ่มจากธนาคารโดยแต่ละครั้งนายบิ๊ก จะนัดคืนเงินในระยะเวลา แตกต่างกัน คือก้อนแรกจะนัดคืนประมาณ 7 วัน ซึ่งเมื่อผ่านไปสองสามวันก็จะเสนอเคสใหม่เข้ามาอีกโดยจะคืนให้ภายในวันเดียวพร้อมเสนอค่าตอบแทนให้ 3 ถึง 5 เปอร์เซ็นต์ แรก ๆ จะจ่ายคืนตรงนัด พร้อมค่าตอบแทนตามที่นายบิ๊กเสนอ แรก ๆ ตนก็ไม่ค่อยเชื่อใจเท่าไร่จึงให้นายบิ๊กหยิบยืมเท่าที่กำลังตนมี ครั้งละ สามหมื่นถึง ห้าหมื่น และเพิ่มยอดสูงขึ้นเรื่อย ๆ ถึง สี่ห้าแสนบาท จนถึงหลักล้านในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม 2564 ล่าสุดนายบิ๊กอ้างว่ามีเคสรีไฟแนนซ์ของลูกค้า ต้องการยืมเงินอีก 3 ล้านบาทจะคืนให้ในระยะเวลา 7 วัน จะให้ดอกเบี้ย 3 เปอร์เซ็นต์ ตนไม่มีเงินจึงสอบถามน้องสาวว่าสนใจมั้ย พร้อมต่อสายประชุมกันทางโทรศัพท์โดยนายบิ๊กรับปากว่าจะได้เงินคืนแน่นอนเพราะตนเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายสินเชื่อของธนาคารและเป็นคนทำเรื่องกู้ให้ลูกค้าด้วยตนเอง ทำให้น้องสาวหลงเชื่อยอมโอนเงินให้ และหลังจากนั้นเพียงวันเดียวนายบิ๊กก็เสนอเคสใหม่ลักษณะเดียวกันอีกว่ามีลูกค้าต้องการขอให้ธนาคารเพิ่มวงเงินกู้แต่ต้องเอาเงินมาปิดวงเงินกู้เดิมก่อน จึงจะอนุมัติเงินกู้เพิ่มได้ แต่เคสนี้จะคืนเงินให้ภายในวันเดียวเมื่อตนและน้องสาวตกลงโอนเงินให้ นายบิ๊กก็สามารถโอนเงินคืนให้ในตอนเย็นพร้อมดอกเบี้ย 3 เปอร์เซ็นต์ตามที่นายบิ๊กเสนอ ขณะที่หนี้เดิมยังไม่ถึงกำหนดชำระคืน วันรุ่งขึ้นนายบิ๊กก็จะนำเสนอเคสใหม่ให้อีก ซึ่งตนและน้องสาวเห็นว่านายบิ๊กน่าจะมีเคสตามที่เสนอมาจริง ประกอบกับนายบิ๊กเสนอค่าตอบแทนให้อย่างสูงจึงทำให้เกิดความโลภ โอนเงินให้นายบิ๊กตามที่นายบิ๊กเสนอมาทุกครั้ง
นายเบิร์ดเล่าต่อว่าเงินโอนให้นายบิ๊กเริ่มเป็นดินพอกหางหมู ในช่วงปลายเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา เนื่องจากถึงกำหนดนัดแล้ว ยังไม่เห็นนายบิ๊กโอนเงินคืน สองถึงสามเคส เมื่อทวงถามนายบิ๊ก ก็จะตอบว่าลูกค้ามีปัญหานิดหน่อยให้รอสักนิด ธนาคารกำลังดำเนินการให้อยู่ ตนก็รอมาเรื่อย ๆจนถึงปัจจุบัน จนเห็นมีข่าวทางสื่อต่าง ๆ จึงทราบว่าตนและน้องสาวถูกหลอกเอาเงินไปอย่างแน่นอนแล้ว และจะต้องแจ้งความดำเนินคดีกับนายบิ๊ก อย่างแน่นอน โดยสรุปยอดสุทธิที่โอนไปให้นายบิ๊กแล้วยังไม่ได้คืน เป็นเงิน 11 ล้านบาท ล่าสุดตนได้ทวงถาม นายบิ๊กอีกหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งนายบิ๊กจะหลอกให้รอ และอ้างว่าลูกค้ามีปัญหาอยู่ระหว่างการดำเนินการของธนาคาร สุดท้ายถึงทางตันตนไล่บี้นายบิ๊ก จึงสารภาพว่าไม่มีเคสรีไฟแนนซ์ หรือปิดวงเงินกู้ใด ๆ ทั้งสิน เงินที่ได้มานายบิ๊กได้โอนไปบัญชีของเพื่อนร่วมขบวนการหมดแล้ว และเรื่องที่อ้างนั้นเป็นละครที่เพื่อนสาวคือนางบิว สร้างขึ้นมาเพื่อหลอกเอาเงินเหยื่อ มาให้ได้เท่านั้น
โดยนายเบิร์ดเปิดเผยว่าเหตุที่ยังไม่ได้แจ้งความดำเนินคดีกับคนกลุ่มนี้ เพราะตนเองเป็นผู้ป่วยติดเชื้อโควิด เพิ่งรักษาหายกลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านตามมาตรการป้องกันควบคุมโรคติดต่อเป็นเวลา 14 วัน หากผลตรวจทางการแพทย์ยืนยันว่าหายสนิทแล้ว ก็จะไปแจ้งความดำเนินคดีทันทีไม่คิดว่าชีวิต ตนจะเผชิญกับมรสุมหนักขนาดนี้ ไหนจะโชคร้ายติดเชื้อโควิด 19 แล้วยังมาโดนเพื่อรักหลอกเอาเงินไปอีก ซึ่งล่าสุดตนทราบมาว่าหลังก่อเหตุแล้วนายบิ๊กได้ลาออกจากธนาคารที่ทำงานอยู่แล้วตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: