X

“ครูแก้ว” ลุยไร่ฟักทองกลางสายฝน หลังรับเรื่องเดือดร้อนถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบ

นครพนม – “ครูแก้ว” ลุยไร่ฟักทองกลางสายฝน หลังรับเรื่องเดือดร้อนถูกพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบกดเหลือ กก.ละ 2 บาท ยื่นมือแทรกแซงพยุงราคา กก.ละ 5 บาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ ห้องประชุมชั้น 2 ที่ว่าการอำเภอบ้านแพง จ.นครพนม นายชยณัฐ ประทุมมาตย์ ปลัดอำเภอหัวหน้ากลุ่มงานบริหารงานปกครอง รักษาราชการแทนนายอำเภอบ้านแพง เป็นประธานการประชุมปรึกษาหารือ เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกฟักทอง กรณีราคาผลผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ มีผู้เข้าร่วมประชุม ประกอบด้วย นายสุพรรณ โกศล นายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลบ้านแพง นายชิงชัย อภัยโส กำนัน ต.บ้านแพง  และตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกฟักทอง จำนวน 14 หมู่บ้าน โดยมี นายศุภชัย  โพธิ์สุ รองหรือครูแก้วประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง / ส.ส.นครพนมเขต 1 พรรคภูมิใจไทย นางสาวกัญณฐา อภินันท์ธนา เกษตรจังหวัดนครพนม นายวินัย คงยืน หัวหน้ากลุ่มส่งเสริมและพัฒนาการผลิต พร้อมคณะเข้าร่วมรับทราบปัญหาดังกล่าว

นายชยณัฐฯเปิดเผยต่อที่ประชุมว่าด้วยทางอำเภอบ้านแพง ได้รับรายงานปัญหาความเดือดร้อนจากเกษตรกรในพื้นที่ ว่า ในห้วงเดือนเมษายน-พฤษภาคมของทุกปี เป็นฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิตทางการเกษตรของเกษตรกรในพื้นที่ตำบลบ้านแพง โดยเฉพาะเกษตรกรที่ทำอาชีพปลูกฟักทอง ซึ่งจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันประกอบกับสถานการณ์โรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (covid-19) ทำให้ราคาซื้อขายฟักทองมีอัตราค่อนข้างต่ำกว่าปีที่ผ่านมาเป็นอย่างมาก จึงได้เชิญส่วนราชการมาประชุมปรึกษาหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน

นางศรีตระกูล ภูฉายยา อายุ 59 ปี ราษฎรหมู่ 6 บ้านนายาง ต.บ้านแพง กล่าวกับผู้ร่วมเข้าประชุมว่า ได้ปลูกฟักทองบนเนื้อที่ 14 ไร่ มีค่าใช้จ่ายเช่นจ้างไถ 2 ครั้งๆละ 700 บาท/ไร่ ค่าเมล็ดพันธุ์กระป๋องละ 450 บาท จำนวน 17 กระป๋อง ต้องใช้ปุ๋ยไร่ละกระสอบครึ่ง ราคากระสอบละ 1,000 บาท ยังไม่รวมค่าแรงคนงานวันละ 300 บาท เฉลี่ยตกไร่ละ 5-6,000 บาท แต่ได้ผลผลิตเพียง 7 ไร่ ปรากฏว่าปีนี้มีพ่อค้าคนกลางมารับในราคาเพียงกิโลกรัมละ 2 บาท ที่สำคัญถูกพ่อค้าเอาเปรียบด้วยการคัดเกรด ด้วยการคัดของดีเป็นของเสีย และขอซื้อในราคาถูก ซึ่งแตกต่างจากปีที่ผ่านมามีราคากิโลกรัมละ 11 บาท จึงวิงวอนให้หน่วยงานภาครับและเอกชนยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงราคาให้ได้ในกิโลกรัมละ 5-6 บาทก็พอจะคืนทุนได้

ด้าน นายสุพรรณ โกศล นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลบ้านแพง เปิดเผยว่าตนเป็นเกษตรกรในระดับต้นๆที่นำร่องการปลูกฟักทองในพื้นที่อำเภอบ้านแพง ช่วงนั้นประสานกับทางตลาดไทและหอการค้าไทยในการขอทุนมาทำการเกษตร ปัญหาที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งมาจากการที่เกษตรกรไม่รวมกลุ่มกันต่างคนต่างทำ ถ้าราคาฟักทองมีราคาก็ไม่เป็นไร แต่ราคาตกถึงจะมารวมตัวกันเรียกร้อง ตนจึงขอแนะนำให้เกษตรกรรวมตัวกันตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชน และศึกษาข้อดีข้อเสียในการตั้งกลุ่มฯ เพราะในพื้นที่ไม่ใช่จะมีแค่ฟักทองเท่านั้น ยังมีมะเขือเทศ ข้าวโพดหวาน พริก ฯลฯ เป็นต้น แต่ในฐานะที่ตนเป็นนายกเทศมนตรีฯ ก็ใคร่อยากให้ภาครัฐและเอกชนช่วยเหลือ เนื่องจากมีพ่อค้าคนกลางในพื้นที่ร่วมกับต่างจังหวัด กดราคาฟักทองจนเหลือเพียงกิโลกรัมละ 2 บาท แต่นำไปขายในราคาแพง สร้างรายได้ให้เฉพาะตนเองแต่เกษตรกรขาดทุนย่อยยับ

“ฟักทองกิโลกรัมละ 2 บาท 2 ตัน 2,000 กก. กลุ่มผู้ปลูกฟักทองได้เงินแค่ 4,000 บาทเท่านั้น อีกทั้งเอาเปรียบคัดเกรดจนแทบไม่เหลือของดี ต่างจากปีที่ผ่านมาซื้อโดยคละเกรด ราคาเคยพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 25 บาท และไม่เคยประสบปัญหาหนักเช่นนี้มาก่อน อีกอย่างฟักทองบ้านแพงได้รับการการันตีจากผู้มารับซื้อว่า มีรสชาติกรอบหวานและเหนียว เพราะปลูกบนหาดดอนแพงที่มีการสะสมด้วยตะกอนดินแม่น้ำโขง มีแร่ธาตุธรรมชาติที่พืชต้องการจำนวนมหาศาล” นายสุพรรณฯ กล่าว

ด้าน นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว หลังรับทราบปัญหาของเกษตรกรผู้ปลูกฟักทองแล้ว ก็เปิดเผยว่าเพิ่งไปช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกสับปะรดหวานที่อำเภอโพนสวรรค์และท่าอุเทนมา โดยที่นั่นได้ตั้งกองทุนสำหรับรับซื้อจำนวน 400,000 บาท โดยขอความร่วมมือจาก ส.อบจ.นครพนม ทั้ง 30 เขต ช่วยกันคนละตันสองตัน นำไปจำหน่ายในพื้นที่ของตน ในราคาตันละ 8,000 บาท ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวได้รับความร่วมมือจากนายก อบจ.ฯ 1 แสน ตนเอง 1 แสน และภาคเอกชนสมทบอีก 2 แสน และไม่มีการสูญหายเพราะเงินยังคงเหลือคือเก่า เพื่อเก็บไว้ใช้พยุงราคาพืชผลเกษตรชนิดอื่นต่อไป

“เมื่อผมทราบปัญหาแล้วก็จะหาทุนจำนวน 100,000 บาท เป็นกองทุนเบื้องต้นเพื่อเข้าแทรกแซงรับซื้อฟักทองจากกลุ่มเกษตรกรประมาณ 30 เปอร์เซ็นต์จากผลผลิตทั้งหมดในราคากิโลกรัมละ 5 บาท และหาตลาดมารับซื้อช่วยกัน หากราคาขยับขึ้นมาในระดับเกษตรกรยอมรับราคาได้ ก็จะปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของตลาดต่อไป จึงขอมอบภารกิจนี้ให้นายกเทศมนตรีร่วมกับกำนันผู้ใหญ่บ้านหาช่องทางช่วยเหลือในระยะยาว โดยจะมีการแปรรูปเป็นน้ำฟักทอง หรือขนมกรุบกรอบวางจำหน่ายทั่วๆไปด้วย” รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง กล่าว

หลังจากปิดการประชุมนายศุภชัยพร้อมคณะได้เดินทางไปดูไร่ฟักทองซึ่งปลูกอยู่จำนวนมากที่หาดดอนแพงริมแม่น้ำโขงบนเนื้อที่ประมาณพันกว่าไร่ ระหว่างนั้นเกิดฝนตกฟ้าคะนองแต่คณะก็ไม่ย่นย่อลงไปดูผลฟักทองท่ามกลางสายฝนจะกระหน่ำลงมา ซึ่งผลฟักทองที่รอการเก็บเกี่ยวมีขนาดผลใหญ่สวยงาม แต่ถูกพ่อค้าคนกลางกดราคาปัดตกเกรดหมด ถือว่าเป็นการเอาเปรียบเกษตรกรอย่างไม่น่าให้อภัย

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน