นครพนม – หญิงม่ายแจ้งร้องสื่อลูกชายหาย พบอีกทีเป็นศพลอยอืด ไม่เชื่อจมน้ำตายส่งศพผ่าพิสูจน์ ฉงนเหรียญพระธาตุพนมในคอหาย
วันที่ 14 กรกฎาคม 2564 ผู้สื่อข่าวเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 253 หมู่ 5 ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนม สืบเนื่องจากมีนางปลาวร พรมอารักษ์ อายุ 65 ปี เป็นหญิงม่ายอาชีพขายมะม่วงยำอยู่หน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ร้องทุกข์ว่าลูกชายชื่อนายทวีวุฒิ พรมอารักษ์ หรือเอ็ม อายุ 32 ปี หายออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 4 กรกฎาคม โดยมีการแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.ธาตุพนม ก่อนจะพบลูกชายกลายเป็นศพขึ้นอืดอยู่ในลำห้วยแคน เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคมที่ผ่านมา เบื้องต้นแพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากการจมน้ำตาย เนื่องจากไม่พบร่องรอยการต่อสู้ แต่ทางญาติไม่เชื่อว่านายเอ็มตายจากการจมน้ำ คาดอาจมีเงื่อนงำเพราะเหรียญสมโภชพระธาตุพนม รุ่นแรกปี 2518 หายจากคอไป จึงขอส่งศพผ่าพิสูจน์ที่นิติวิทยาศาสตร์ รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น แต่ทางแพทย์ให้นำกลับมาตรวจหาเชื้อโควิดก่อน แล้วค่อยส่งไปพิสูจน์ใหม่ ขณะนี้ศพลูกชายยังอยู่ในห้องเย็นของ รพ.สมเด็จพระยุพราชธาตุพนม
นางปลาวรเล่าทั้งน้ำตากับผู้สื่อข่าวว่า เป็นหญิงม่ายสามีตายต้องเลี้ยงดูลูกจำนวน 3 คน ชาย 2 หญิง 1 เพียงลำพัง นายเอ็มผู้ตายเป็นคนกลางนิสัยไม่ค่อยพูด ก่อนหน้านี้ประมาณ 1 ปีเกิดประสบอุบัติเหตุทางถนนจนขาข้างซ้ายหักต้องด้ามเหล็ก จึงเดินกระโผลกกระเผลก ทุกวันลูกชายจะตื่นนอนแต่เช้าตรู่ และมักจะเดินออกไปหาเพื่อนแถวหน้าวัดพระธาตุฯประจำ ซึ่งเพื่อนที่ว่าแต่ละคนมีอายุมากกว่าลูกชายทั้งสิ้น ส่วนมากจะนัดกันดื่มเหล้าเมาแล้วจะเดินกลับบ้านหรือมีคนขับรถ จยย.มาส่ง ไม่เคยไปนอนค้างที่บ้านใคร
วันที่ลูกหายตัวไปคือวันที่ 4 กรกฎาคม เวลาประมาณ 05.00 น. ได้ยินเสียงลุกขึ้นมาล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินออกจากบ้านไป ทราบภายหลังว่าไปหานายหวินอาชีพเย็บผ้าอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อแถวตลาดสดเทศบาลตำบลธาตุพนม จากนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่อตนไปถามหาลูกชายกับนายหวินก็บอกว่าพากันไปกินเหล้ากันที่บ้านของนายพุธอยู่แถวทางไปประตูระบายน้ำธรณิศนฤมิต แล้วนายเอ็มก็ขอตัวกลับ ตนจึงไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน พร้อมติดตามหาตัวลูกชายภาวนาขออย่าให้มีอันเป็นไปเลย
กระทั่งวันที่ 9 กรกฎาคม ตอนกลางคืนได้ฝันว่าเดินตามหาลูกชายมาถึงต้นไม้ใหญ่ มีต้นไผ่ขึ้นแซมอยู่ติดริมลำน้ำ ในฝันบอกว่านายเอ็มอยู่ที่นี่ รุ่งเช้าตนจึงเล่าความฝันให้ญาติฟัง เชื่อว่าบริเวณที่ฝันน่าจะอยู่ทางด้านหลังบ้านนายพุธไปประมาณ 300 เมตร ซึ่งเป็นป่าเบญจพรรณรกครึ้ม จึงพากันไปค้นหาพร้อมจุดธูปบอกกล่าวต่อเจ้าทีเจ้าทาง ดลบันดาลให้เจอลูกชายด้วย ปากก็กู่ร้องเรียกชื่อลูกชายจนคอแห้ง ขณะเดียวกันนายดาวเทียม นุรา อายุ 63 ปี น้องชายก็ร้องตะโกนว่าพบแล้วๆ ตนวิ่งไปที่ริมลำห้วยแคนมองไปตามมือชี้ของนายดาวเทียม พบร่างลูกชายคว่ำหน้าอยู่ในกอผักตบชวา สภาพไม่สวมเสื้อนุ่งกางเกงผ้ายืดสีดำ มีผิวหนังถลอกและหนอนชอนไชอยู่บนร่างกายจำนวนมาก ตนถึงกับเข่าทรุดหวีดร้องด้วยความเศร้าโศกที่พบร่างลูกชายในสภาพนี้
จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ชีพก็นำร่างของมาให้แพทย์ชันสูตร โดยมีบาดแผลต้องสงสัยอยู่กลางหลัง 3 แห่ง แพทย์ลงความเห็นว่าเกิดจากสัตว์กัดแทะ แต่หากติดใจในสาเหตุการตายก็ให้ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ที่ รพ.ศรีนครินทร์ ขอนแก่น ซึ่งตนตลอดจนญาติไม่เชื่อเพราะในคอลูกชายคล้องเหรียญสมโภชพระธาตุพนม รุ่นแรกปี 2518 ด้วยเชือกร่มสีดำ ราคาเช่าซื้อประมาณ 18,000-20,000 บาทได้หายไป ไม่อยากเชื่อว่าเหรียญจะหลุดออกจากคอลูกชาย และพื้นที่ดังกล่าวคนปกติยังเดินยาก ประสาอะไรกับคนขากระเผลกจะเดินมาถึงได้ ต้องมีคนพามาอย่างแน่นอน และก็ไม่ใช่ทางกลับบ้านด้วย จึงมีพิรุธหลายอย่าง
สอบถามนายประสิทธิ์ ปรีสงค์ อายุ 56 ปี บ้านเลขที่ 166 หมู่ 7 บ้านโคกสว่าง ต.ธาตุพนม บุคคลที่พานายเอ็มไปดื่มเหล้าที่บ้านนายพุธ ให้รายละเอียดว่าเจอนายเอ็มนั่งอยู่หน้าร้านสะดวกซื้อช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 4 กรกฎาคม พร้อมชักชวนตนดื่มเหล้ากัน ซึ่งวันนั้นตนจะต้องไปหว่านปุ๋ยในนาข้าว จึงปฏิเสธไปแต่บอกว่าอยากกินเหล้าก็ไปหาลุงหวินที่บ้านลุงพุธ เพราะบ้านหลังนี้เป็นที่ชุมนุมของสิงห์เหล้าขาวประจำอยู่แล้ว หลังพานายเอ็มมาบ้านนายพุธแล้วตนก็ขับ จยย.ไปหว่านปุ๋ย หวนกลับมาอีกทีตอนบ่าย 2 โมงเจอนายหวินกับนายพุธนั่งโจ้เหล้ากันสองคน ถามหานายเอ็มก็บอกว่ากลับไปตั้งแต่เที่ยง ขณะที่ทางญาติก็มาสอบถามตนก็เล่าไปตามจริงนั้น จนมาทราบว่านายเอ็มกลายเป็นศพอย่างปริศนา เมื่อถามความเห็นส่วนตัวนายประสิทธิ์ไม่เชื่อว่านายเอ็มผู้ตายจะเดินไปเองได้เพราะขาพิการ
ทางด้าน พ.ต.ท.ประเสริฐศักดิ์ นวลบัตร พนักงานสอบสวน สภ.ธาตุพนม ผู้รับแจ้งเหตุคนหายกล่าวกับผู้สื่อข่าวทางโทรศัพท์ว่า เวลาประมาณ 12.00 น.ของวันที่ 9 กรกฎาคม รับแจ้งพบศพนายเอ็มลอยอืดอยู่ในลำห้วยแคน จึงชันสูตรร่วมกับแพทย์เวร รพ.สมเด็จพระยุพราชฯ เบื้องต้นไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ส่วนบาดแผลแพทย์ลงความเห็นว่าสัตว์กัดแทะ หากทางญาติติดใจก็ส่งศพไปผ่าพิสูจน์ และเรียกผู้เกี่ยวข้องมาสอบปากคำ พร้อมกับทางให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวเชิงลึก ซึ่งผู้ต้องสงสัยยังไม่มีพิรุธอะไร ข่าวคืบหน้าจะนำมาเสนอต่อไป
