นครพนม – สกู๊ป..ไหลเรือไฟโบราณและการสืบสานประเพณีของชาวนครพนม ถวายเป็นพุทธบูชาบูชา เทศกาลออกพรรษา ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11
เรือไฟโบราณเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ชาวนครพนม ยังคงสืบสานต่อกันมา เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในช่วงเทศกาลออกพรรษา ซึ่งหลายคนอาจจะยังไม่รู้ว่า ในทุก ๆ ปี ยังคงมีการทำเรือไฟโบราณควบคู่กับเรือไฟขนาดใหญ่ วันนี้จึงจะได้นำทุกท่านมารู้จักกับเรือไฟโบราณ อันเป็นต้นฉบับของเรือไฟในปัจจุบัน
พระราชสิริวัฒน์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดสว่างสุวรรณาราม ตำบลหนองแสง อำเภอเมือง จังหวัดนครพนม กล่าวว่า สถานการณ์โควิดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้จังหวัดนครพนมไม่ได้จัดทำใหญ่เหมือนทุกปี แต่ก็ยังคงรักษาไว้ซึ่งวัฒนธรรมประเพณี จารีตโบราณอีสานของพ่อแม่ไว้อยู่ คือ ทำน้อยลง เล็กลง มีการถวายประทีปโคมไฟ ในวันขึ้น 13 ค่ำ 14 ค่ำ 15 ค่ำ เดือน 11 ช่วงเทศกาลออกพรรษาขึ้นอยู่แต่ละในชุมชน โดยในเขตเทศบาลเมืองฯก็ดี ในอำเภอต่างๆ ก็ดี จะพากันทำเรือไฟโบราณ ใช้ประทีปโคมไฟจากขี้ไต้ ผลต้นตูมกา น้ำมันมะพร้าว มาลอยถวายเป็นพุทธบูชา พอถึงวัน 13 ค่ำ 14 ค่ำ เดือน 11 ญาติโยมชาวพุทธ ผู้เฒ่าผู้แก่ก็จะมารวมกัน นำไม้ไผ่มาจักสานทำเป็นรูปเรือไฟ นำต้นกล้วยมาแทงหยวกเป็นลวดลาย ต้นโพธิ์ทะเลมาจุ่มดอกผึ้งทำปราสาทผึ้งโบราณใส่บนเรือไฟ บางบ้านก็ทำเป็นรูปองค์พระธาตุพนม บางบ้านก็ทำเป็นประสาทผึ้งโบราณ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชาในวันออกพรรษา
“ซึ่งการทำเรือไฟโบราณเป็นจารีตประเพณีที่คนโบราณอีสาน ได้ส่งเสริมให้ลูกหลานผู้อยู่ภายหลัง มีความรักความสามัคคี ความพร้อมเพรียงกัน เพราะเรือไฟโบราณไม่สามารถที่จะทำคนเดียวให้สำเร็จเสร็จสิ้นได้ ภายในวัน 2 วัน แต่จะต้องอาศัยความพร้อมเพรียงของลูกหลาน พี่น้องประชาชนในชุมชน มาช่วยกันคนละไม้คนละมือ ซึ่งประเพณีโบราณนี้จังหวัดนครพนมยังคงสืบสานต่อกันมาโดยตลอด โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ถือว่าเป็นผู้นำทางจิตใจ เป็นผู้นำทางวัด เมื่อพระสงฆ์เอ่ยว่า ญาติโยมเอ๋ย ออกพรรษาแล้ว พากันเตรียมเรือไฟ พากันเตรียมประทีป พากันเตรียมปราสาทผึ้ง เครื่องกินของทานนะ เพื่อที่จะได้ไหลในวันขึ้น 15 ค่ำ เพื่อถวายเป็นพุทธบูชา แค่นี้ก็เป็นการจุดประกายแห่งความกตัญญูกตเวที ความรัก ความหวงแหนในจารีตประเพณี พ่อแม่ชาวอีสานที่ปฏิบัติสืบต่อกันมา ในการน้อมถวายประทีปโคมไฟ ถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา แด่องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ที่ได้เสด็จลงมาจากเทวโลก ทั้งเป็นการถวายประทีปโคมไฟรอยพระพุทธบาทในแม่น้ำ แสดงออกซึ่งความกตัญญูกตเวทีต่อแม่น้ำ สรรพสัตว์ และสิ่งต่าง ๆ ที่เราได้พึ่งพาอาศัย เพราะต่างคนต่างอาศัยซึ่งกันและกัน เหมือนคำกล่าวที่ว่า บัวอาศัยพึ่งน้ำ น้ำก็พึ่งวังตม อันคนเฮากะพึ่งกันโดยด้าน เสือสาง ช้าง กวาง ฟานอาศัยป่า ปลาอาศัยสัตว์สิ่งฮ้ายจึงหนาแน่นมืดมุง ให้เฮาฮักกันไว้ คือดังไฮฮักแตง เด้อโยมเด้อ ให้เฮาแพงกันไว้ คือดังแตงแพงค้าง อย่าได้วางเสียถิ่ม ยามจนปะปล่อย ให้เฮาคอยล่ำเยี่ยมกันไว้อยู่นาม ขอความสุขความเจริญ อยู่ดีมีแฮง สุขภาพแข็งแรง อายุมั่นขวัญยืน จงมีแก่ญาติโยมสาธุชนทั้งหลายทุกท่านเทอญ” พระราชสิริวัฒน์ กล่าว
ข่าวน่าสนใจ:
- ชาวบ้านผวา พบเสือ 3 แม่ลูก ป้วนเปี้ยนในป่า 100 ไร่ใกล้ฟาร์มเลี้ยงวัว ไม่กล้าเกี่ยวข้าว-กรีดยาง วอนบุกพิสูจน์
- นครพนม ทหารพรานสนธิกำลังยึดยาบ้าเกือบ 2 แสนเม็ด! ตรวจพบฝิ่นดิบกว่า 3 กิโลกรัม ริมแม่น้ำโขง
- นายกเทศบาลตำบลนาคำ แจงเหตุต้องระงับเพลิงล่าช้า จากกรณีเหตุเพลิงไหม้บ้านพักอาศัยของชาวบ้าน
- นครพนม : กองทัพบก ร่วมกับ Kubota มอบไออุ่นในพื้นที่ภาคอีสาน มอบเสื้อกันหนาวให้ชาวนครพนม ตามโครงการ "คูโบต้า พลังใจ สู้ภัยหนาว" ปี 2567
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: