นครพนม – วันที่ 17 ตุลาคม 2564 ที่จังหวัดนครพนม ดร.คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะผู้บริหารวิทยาลัยอาชีวศึกษาภายใต้โครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ train the trainer หลักสูตรชลกร โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ ลงพื้นที่ศึกษาแผนงาน และแนวทางระบบธนาคารน้ำใต้ดินขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้ง อำเภอเมืองนครพนม ที่ได้น้อมนำพระราชดำรัส พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เรื่องน้ำ มาดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนในพื้นที่ได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีน้ำดื่ม น้ำใช้ตลอดทั้งปี เพื่อนำหลักการและแนวทางที่ได้ไปปรับปรุงและพัฒนาหลักสูตรการเรียนการสอน เพื่อขยายผลสู่นักศึกษาและประชาชนในชุมชนต่อไปในอนาคต โดยมีนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายธวัชชัย รอดงาม รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม ตลอดจนนายอำเภอเมืองนครพนม คณะผู้บริหารองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้ง เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องร่วมให้การต้อนรับ
โดยโครงการฝึกอบรมเชิงปฏิบัติการ train the trainer หลักสูตรชลกร โครงการบริหารจัดการน้ำโดยชุมชนตามแนวพระราชดำริ เป็นหลักสูตรใหม่ที่เริ่มต้นในปี 2564 เมื่อวันที่ 24 พฤษภาคมที่ผ่านมา เป็นหลักสูตรที่จะช่วยให้ประชาชนในชุมชนและเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างยั่งยืน ทั้งยังช่วยแก้ปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม น้ำหลากและทำให้ประชาชนในชุมชนและเกษตรกรมีรายได้ที่มากขึ้น มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในวันนี้มีผู้เข้าเข้าร่วมการอบรมทั้ง 32 คน จาก 11 วิทยาลัย จะได้เรียนรู้ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเกี่ยวกับศาสตร์การบริหารจัดการน้ำใน 3 หลักการใหญ่ คือ มีที่ให้น้ำอยู่ มีที่ให้น้ำไหล และมีที่เก็บน้ำไว้ใต้ดิน จากนั้นร่วมกันวางแผน วิเคราะห์และออกแบบการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ของตัวเอง ก่อนที่ในวันรุ่งขึ้นจะมีการลงพื้นที่ศึกษาดูงานการขยายผลการทำธนาคารน้ำใต้ดิน (กลุ่มเพาะกล้าไม้ชุมชน) ที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้งได้มีการบูรณาการร่วมกันกับโรงเรียน สถานีเพาะชำกล้าไม้ เพื่อสร้างอาชีพของคนในชุมชน และเป็นแหล่งเรียนรู้ของนักเรียนและประชาชนที่สนใจ และดูตัวอย่างบ่อน้ำใต้ดินที่ทางองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้งได้ดำเนินการเพื่อให้เห็นตัวอย่าง ด้านการวางแผนและออกแบบตามบริบทตามลักษณะกายภาพของพื้นที่จริง
ข่าวน่าสนใจ:
ทั้งนี้ระบบธนาคารน้ำใต้ดินขององค์การบริหารส่วนตำบลบ้านผึ้ง เกิดขึ้นจากที่ประชาชนในพื้นที่มีปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งน้ำที่ใช้ในครัวเรือนและการเกษตร เพราะเมื่อถึงฤดูแล้งจะมีน้ำไม่เพียงพอ บางพื้นที่ก็เป็นน้ำกร่อย และเป็นสนิม แม้จังหวัดนครพนมจะมีปริมาณน้ำฝนตกมากเป็นอันดับ 2 ของประเทศ แต่เนื่องจากไม่สามารถจัดเก็บน้ำฝนไว้ใช้ได้เพียงพอกับความต้องการ ทำให้มวลน้ำจำนวนมากถูกปล่อยไหลลงสู่แม่น้ำโขงและบางพื้นที่เกิดปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ดังนั้นคณะผู้บริหารตลอดจนเจ้าหน้าที่และประชาชนในพื้นที่ จึงได้ร่วมแรงร่วมใจกันนำแนวทางระบบธนาคารน้ำใต้ดินที่เป็นการเติมน้ำจากแหล่งน้ำผิวดินหรือน้ำฝนไปกักเก็บไว้ใต้ดินมาดำเนินการ โดยมีการไปศึกษาดูงานตามสถานที่ต่าง ๆ จากนั้นมาร่วมกันวางแผนวิเคราะห์สภาพธรณีวิทยาในพื้นที่และออกแบบการบริหารจัดการน้ำ คือ มีการขุดบ่อระบบเปิด จำนวน 18 บ่อในพื้นที่สาธารณะต่าง ๆ เพื่อเป็นสถานที่เติมน้ำ ขณะที่ประชาชนก็มีบ่อของแต่ละบ้านเพื่อเติมน้ำลงใต้ดินเช่นเดียวกัน ซึ่งปรากฎว่าผ่านไป 1 ปี ปรากฏว่าในพื้นที่ตำบลบ้านผึ้งและตำบลข้างเคียงมีน้ำบาดาลใช้อย่างเพียงพอ ไม่เค็ม ไม่กร่อย และไม่เป็นสนิม
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: