X

ภ.4 เผยผลตรวจที่เกิดเหตุ วัตถุพยานและการชันสูตรพลิกศพ หลังพ่อวัยรุ่น 15 ปีร้องขอความเป็นธรรม

นครพนม – ภ.4 เผยผลตรวจที่เกิดเหตุ วัตถุพยานและการชันสูตรพลิกศพ หลังพ่อวัยรุ่น 15 ปีร้องขอความเป็นธรรมต่อ สตช. ยืนยันว่าเสียหลักล้มเอง

พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 4 (รอง ผบช.ภ.4)/โฆษก ภ.4 ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าว ว่า ตามที่รายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 16 กันยายน 2564  ได้กล่าวถึงกรณีนายเทพกานต์ คุ้มศีรษะ พ่อและแม่ของนายคฑาทรัพย์ คุ้มศีรษะ อายุ 15 ปี ร้องขอความเป็นธรรมต่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ว่า ลูกชายของตนถูกรถโดยสารสองแถว 6 ล้อทับศีรษะถึงแก่ความตาย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2564 เวลาประมาณ 11.40 น. ที่ไหล่ทางฝั่งขาออกจังหวัด ถนนทางหลวงแผ่นดิน 22 (ถนนนิตโย) สายนครพนม-สกลนคร สามแยกทางเข้าบ้านนามูลฮิ้น ต.นาทราย อ.เมืองนครพนม โดยอ้างว่า ร.ต.อ.ชม ชูรัตน์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม ไมให้ความยุติธรรมโดยการสั่งไม่ฟ้อง

ต่อมา รต.อ.ชม ชูรัตน์ พนักงานสอบสวนเวรปฏิบัติ ได้ทำหนังสือชี้แจงรายละเอียดพร้อมแนบหลักฐาน เอกสาร วัตถุพยานเสนอต่อผู้บังคับบัญชา ว่า ในวันและเวลาดังกล่าวได้รับแจ้งมีอุบัติเหตุจราจรที่ถนนนิตโยขาออกจากจังหวัดนครพนม ตรงข้ามทางเข้าบ้านนามูลอิ้น ต.นาทราย อ.เมืองนครพนม จึงเดินทางไปที่เกิดเหตุซึ่งเป็นถนน 4 เลนมีเกาะกลางถนนกั้น บริเวณไหล่ทางติดกับถนนช่องทางเลนที่ 1 พบรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียนล้มอยู่ ถัดจากรถ จยย.เล็กน้อยไปพบศพผู้ตายนอนตะแคงซ้าย บริเวณศีรษะมีเลือดจำนวนมาก จึงได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสถานที่เกิดเหตุ

จากการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ปรากฏดังนี้ คือรับแจ้งเหตุตามวันเวลาที่ศูนย์วิทยุ 191 บันทึกเสียงไว้ โดยผู้แจ้งเหตุชื่อนายเกริกเกียรติ (ขอปิดนามสกุล) ได้ขับรถจอดติดสัญญาณไฟแดงอยู่บนช่องทางเลนที่ 2 เห็นผู้ตายจอดอยู่บนไหล่ทางเพื่อมุ่งหน้าออกจากจังหวัดนครพนมและติดสัญญาณไฟแดงเหมือนกันในเลนที่ 1 เมื่อสัญญาณไฟเป็นสีเขียว ผู้ตายขับขี่ จยย.ออกไปบนไหล่ทาง โดยผู้แจ้งขับรถในเลนที่ 2 เมื่อห่างจากแยกประมาณ 30 เมตร ถึงบริเวณจุดที่เกิดเหตุ ผู้แจ้งเห็นผู้ตายขับขี่รถ จยย.ยกล้อหน้าแล้วก็เสียหลักล้มลง ผู้ตายนอนตะแคงซ้ายแน่นิ่งไป ผู้แจ้งจึงได้โทรศัพท์แจ้งศูนย์วิทยุ 191 ทันที

โดยผลตรวจชันสูตรพลิกศพแพทย์ รพ.นครพนม ให้ความเห็นว่าบาดแผลที่ศีรษะด้านหลังของผู้ตายเกิดจากการกระแทกกับของแข็งอย่างรุนแรง  ลักษณะบาดแผลที่ศีรษะของผู้ตายไม่เหมือนกับรอยล้อรถยนต์เหยียบทับ เป็นแผลที่ถูกกดทับด้านหลังของกะโหลกศีรษะกระแทกพื้นแตกละเอียดมากกว่าถูกรถเหยียบ และสอดคล้องกับผลชันสูตรของแพทย์ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ได้ให้ความเห็นว่าบาดเผลที่ศีรษะผู้ตายเกิดจากการกระแทกกับของแข็งไม่มีคมอย่างแรงไม่แน่ชัดว่าเกิดจากถูกล้อรถยนต์กดทับหรือไม่ เนื่องจากไม่รอยดอกยางของรถยนต์ที่ศีรษะและใบหน้า ซึ่งผลตรวจชันสูตรศพแพทย์ทั้ง 2 โรงพยาบาล  พ่อแม่ของผู้ตายไม่พอใจผลการชันสูตรศพ พนักงานสอบสวนจึงเสนอให้ส่งภาพศพขณะที่ทำการผ่าศพที่ถ่ายโดยแพทย์ของ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น ไปยังสถาบันนิติเวช สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรมเพื่อมีความเห็น พ่อแม่ของผู้ตายก็รับข้อเสนอของพนักงานสอบสวน

สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ให้ความเห็นว่ากรณีบาดเผลที่ศีรษะสอดคล้องกับแพทย์ของ รพ.นครพนม และ รพ.ศรีนครินทร์ขอนแก่น คือไม่พบรอยดอกยางของล้อรถที่ตัวศพ ไม่สามารถยืนยันว่าศีรษะถูกกดทับด้วยล้อหรือไม่ ขณะที่ทางด้านสถาบันนิติเวชให้ความเห็นว่า เป็นไปได้มากที่จะเกิดจากการถูกล้อรถยนต์เหยียบที่ศีรษะ เนื่องจากรูปศีรษะแบนไปด้านหนึ่งและกะโหลกแตกอ้าออกตามแนวประสาน

ส่วนผลตรวจรถโดยสารสองแถว 6 ล้อยี่ห้ออีซูชุ หมายเลขทะเบียน 10-1392 นครพนม มีนายสุเทพ สิงหะวาระ เป็นคนขับ ที่พยานชื่อนายวิรัตน์ จิตมาตย์ หรือบอล อายุ 17 ปีแจ้งพ่อแม่ของผู้ตายว่าเป็นรถยนต์ที่เหยียบ ปรากฏว่าไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนบุบยุบทั้งด้านหน้า ด้านหลังและด้านข้างซ้ายขวาของรถยนต์แต่อย่างใด ส่วนพยานอีกคนคือนางปนัดดา บุญมา หรือยุ้ย อายุ 29 ปี ทำงานอยู่ปั๊มน้ำมันใกล้ที่เกิดเหตุ ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนว่าเห็นรถสองแถวจอดเลยปั๊มน้ำมันไปเล็กน้อย จึงเชื่อว่ารถสองแถวต้องเป็นคู่กรณี และผลตรวจรถ จยย.คันที่ผู้ตายขับขี่มา ปรากฏว่าบริเวณด้านหน้าและด้านหลังไม่พบร่องรอยเฉี่ยวชนบุบยุบแต่อย่างใด ด้านขวาพบรอยครูดโดยวัตถุแข็งผิวไม่เรียบ ด้านซ้ายที่ดุมแฮนด์รถถูกกระแทกหัก

ด้านพ่อของผู้ตายยืนยันว่ามีนายวิรัตน์ จิตมาตย์ หรือบอลเห็นรถสองแถวชนและเหยียบทับศีรษะลูกชายของตน จึงได้เชิญมาสอบสวนและชี้ที่เกิดเหตุ ปรากฏว่านายวิรัตน์ชี้ว่าเหตุเกิดในเลนที่ 1 ซึ่งขัดแย้งขัดกับสถานที่เกิดเหตุที่พบ หากรถสองแถววิ่งชนเหยียบทับศีรษะของผู้ตายจริง รถสองแถวก็ต้องชนและเหยียบรถ จยย.ก่อนจะไปเหยียบศีรษะผู้ตาย หรือหากรถ จยย.ถูกชนจริงก็ต้องกระเด็นไปไกลกว่านี้ และต้องมีรอยครูดตามพื้นถนนว่ามีเศษอุปกรณ์ของรถจักรยานยนต์คู่กรณีตกอยู่อย่างแน่นอน

โดยคดีนี้พนักงานสอบสวนได้สรุปสำนวนการสอบสวนมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องผู้ตายในข้อหา “ขับขี่รถจักรยานยนต์โดยประมาทเป็นเหตุให้ทรัพย์สินของผู้อื่นได้รับความเสียหาย” ต่อมาวันที่ 1 ตุลาคม 2564 นำสำนวนการสอบสวนส่งอัยการจังหวัดนครพนมเพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ทั้งนี้ พล.ต.ท.ยรรยง เวชโอสถ ผบช.ภ.4 ได้สั่งการให้ตรวจสอบและพร้อมดำเนินการทุกกรณีที่พ่อแม่ของผู้ตายติดใจสงสัย และพร้อมจะปฏิบัติทุกกรณีที่อัยการจังหวัดนครพนมสั่งให้ดำเนินการเพิ่มเติม

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน