นครพนม – ยื่นหนังสือถึง ผวจ.นครพนม สุดเอือม ผญบ.สายแข็งทำอะไรไม่ผิด ร้องเรียนสารพัดทุจริตปีกว่าเรื่องเงียบ
วันที่ 3 ธันวาคม 2564 เวลา 09.30 น. นางราวตรี รักษาพล อายุ 42 ปี และ นางขันคำ กุลชาติ อายุ 61 ปี ราษฎรบ้านนาทามหมู่ 6 ต.พระกลางทุ่ง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนมผ่านศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดฯ กรณีผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่งตัดต้นไม้(ยูคาลิปตัส) จำนวน 8 ต้นในโรงเรียนบ้านนาทาม แล้วนำไปขายเพื่อเอาเงินมาซื้อดินลูกรังทำถนน โดยไม่ได้ขออนุญาตเนื่องจากบริเวณดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 28-29 กันยายน 2564 จากนั้นชาวบ้านได้ร่วมกันลงชื่อกว่า 20 คนให้ทางอำเภอธาตุพนมดำเนินการสอบสวนผู้ใหญ่บ้านรายนี้ ซึ่งทางที่ว่าการอำเภอฯได้มีหนังสือ ที่ นพ. 0218/4531 ลงวันที่ 19 ตุลาคม 2564 สอบถามไปยังสำนักงานธนารักษ์พื้นที่นครพนม ว่า การกระทำของผู้ใหญ่บ้านถูกต้องตามระเบียบกฎหมายหรือไม่
โดยธนารักษ์พื้นที่นครพนมมีหนังสือตอบว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุแปลงหมายเลขที่ นพ. 1035 ต.พระกลางทุ่ง เดิมใช้ประโยชน์ในราชการ รร.บ้านนาทาม ปัจจุบันสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครพนมเขต 1 (สพป.1) ได้ส่งคืนให้กรมธนารักษ์เรียบร้อยแล้ว จากการตรวจสอบมีการตัดต้นไม้และก่อสร้างถนนลูกรังผ่าน รร.จริง โดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมธนารักษ์ ซึ่งตาม พรบ.ราชพัสดุ พ.ศ.2562 มาตรา 45 ผู้ใดเข้าไปในที่ราชพัสดุเพื่อยึดถือ ครอบครองทั้งหมด หรือแต่บางส่วน โดยไม่มีสิทธิโดยชอบด้วยกฎหมาย หรือเข้าไปกระทำการใดๆอันเป็นการรบกวนการใช้ประโยชน์ที่ราชพัสดุโดยปกติสุข หรือทำด้วยประการใดๆอันเป็นการทำลาย ทำให้เสื่อมสภาพแก่ที่ราชพัสดุ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 1 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ปรากฏว่ายังไม่มีการดำเนินการใดๆกับผู้ใหญ่บ้าน ชาวบ้านจึงหวั่นเป็นมวยล้มต้มคนดู จึงรวมตัวกันมายื่นหนังสือร้องเรียนดังกล่าว
นางขันคำเล่าให้ผู้สื่อข่าวฟังว่า วันนี้ได้เดินทางมายื่นหนังสือร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมฯ ในส่วนของผู้ใหญ่บ้าน โดยมี 4 หัวข้อใหญ่ๆ คือ 1.เรื่องการตัดต้นไม้ในบริเวณโรงเรียนโดยพื้นที่ในโรงเรียนนั้นเป็นที่ดินของกรมธนารักษ์ และนำต้นไม้ไปขาย โดยไม่ได้รับอนุญาต 2.เรื่องการขุดลอกหนอง ผู้ใหญ่บ้านได้นำดินสาธารณะไปถมในพื้นที่บ้านของตนเอง และคนใกล้ชิด โดยมีการนำดินไปถมบริเวณวัดอีกจำนวนหนึ่ง 3.ผู้ใหญ่บ้านนำเงินในการจัดงานประเพณีในวัดไปใช้เป็นการส่วนตัวจำนวน 6,200 บาท โดยไม่ได้ผ่านคณะกรรมการของวัด ทำให้ชาวบ้านไม่พอใจ เนื่องจากไม่ได้มีการขออนุญาตหรือขอความเห็นจากชาวบ้าน และ 4.ดินสาธารณะที่ขุดไป เมื่อชาวบ้านต้องการที่จะไปขอก็ไม่สามารถทำได้เนื่องจากว่าผู้ใหญ่อ้างว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจึงไม่สามารถให้ได้ แต่กลับนำดินสาธารณะไปใช้เป็นการส่วนตัว
ด้านนางราวตรีกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้ทำการร้องเรียนที่อำเภอไปแล้ว เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2563 เวลาผ่านไป 1 ปี 2 เดือนก็ยังไม่มีความคืบหน้า ครั้นโทรศัพท์ไปสอบถามทางผู้รับผิดชอบกลับบ่ายเบี่ยง อ้างว่าเอกสารยังไม่เสร็จ แต่พอโทรศัพท์สอบถามความคืบหน้าก็จะถูกตัดสาย ตนคิดว่าไม่น่าจะได้รับความเป็นธรรม จึงได้เดินทางมายื่นหนังสือต่อศูนย์ดำรงธรรมเพื่อให้นำเรื่องเข้าเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดฯตามที่กล่าวข้างต้น
