X

รมว.ยธ. ลุยนครพนม เน้น ชรบ.ร่วมสกัดกั้นยาเสพติด ชวนผู้ต้องขังเป็นสายแจ้งเบาะแส

นครพนม – รมว.ยธ. ลุยนครพนม เน้น ชรบ.ร่วมสกัดกั้นยาเสพติด ชวนผู้ต้องขังเป็นสายแจ้งเบาะแส ถ้ายึดทรัพย์เครือข่าย 2,000 ล้าน ได้ค่าชี้เป้า 60 ล้านบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม (รมว.ยธ.) พร้อมคณะเดินทางตรวจเยี่ยมและขับเคลื่อนการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดนครพนม ประกอบด้วย น.ส.ณัฐภัสส์ ยงใจยุทธ ผู้ช่วย รมว.ยุติธรรม , นายวิชัย ไชยมงคล เลขาธิการ ป.ป.ส. , นายณรงค์ จุ้ยเส่ย รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ , นายเกิดโชค เกษมวงศ์จิตร รองอธิบดีกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ และข้าราชการจากหลายหน่วยงานในกระทรวง โดยมี นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่สอง/ส.ส.นครพนมเขต 1 พรรคภูมิใจไทย นายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม นายจรูญ เหง่าลา ผู้บัญชาการเรือนจำกลางนครพนม นายประเสริฐ อินทรัตน์ ยุติธรรมจังหวัดนครพนม และประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น

ซึ่งก่อนหน้าที่ รมว.ยุติธรรมจะเดินทางมาถึงได้มีนางประหยัด เจริญราษฎร์ อายุ 43 ปี ชาวบ้าน ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม รอยื่นหนังสือร้องทุกข์กรณีสาวอดีตพนักงานฝ่ายสินเชื่อธนาคารแห่งหนึ่ง ใช้ตำแหน่งหน้าที่ฉ้อโกงเงินชาวบ้านกว่า 30 ราย รวมเป็นเงินประมาณ 12 ล้านบาท เหตุเกิดตั้งแต่ปี 2560 ถึงปัจจุบันผลการสอบสวนยังไม่คืบหน้า ขณะเดียวกันทางธนาคารก็ยังมีหนังสือทวงหนี้อยู่ทุกเดือน โดยยุติธรรมจังหวัดนครพนมได้มารับเรื่องแทนและยืนยันจะไปพบผู้ร้องในสัปดาห์นี้

โดยภารกิจแรก รมว.ยุติธรรมและคณะได้เดินทางเยี่ยมชมอนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ พร้อมพบปะชาวไทยเชื้อสายเวียดนาม ชาวบ้าน ผู้นำชุมชน และชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) โดยได้พูดคุยถึงการสร้างการรับรู้ประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ปี พ.ศ.2564 ที่เริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 25 ธันวาคม 2564 และการเสริมสร้างหมู่บ้าน ชุมชนเข้มแข็ง

รมว.ยุติธรรม กล่าวแก่ ชรบ.จำนวน 300 คนที่มาต้อนรับ ณ หมู่บ้านมิตรภาพไทย-เวียดนาม อนุสรณ์สถาน ประธานโฮจิมินห์ ว่า”กฎหมายใหม่ๆจะเป็นอาวุธที่เพิ่มขึ้นให้กับพวกท่าน ซึ่งประมวลกฎหมายยาเสพติดฉบับใหม่ จะเพิ่มในเรื่องของการยึดทรัพย์ตัดวงจรยาเสพติด สามารถยึดทรัพย์ย้อนหลังได้ถึง 10 ปี ตามมูลค่ายาเสพติด วันนี้ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ยังไม่ค่อยเข้าใจ ดังนั้นในเดือนมกราคม 2565 เราจะเปิดอบรมเรื่องการสืบค้นธุรกรรมการเงินของผู้ค้า และการสืบทรัพย์ โดยจะมีข้าราชการจาก ดีเอสไอ(DSI) กรมบังคับคดี มาเป็นวิทยากร นอกจากนี้ในส่วนของคดีแพ่งหรือคดีทรัพย์ จะแยกออกจากคดีอาญา ซึ่งในอดีตเราแค่จับยึดเม็ดยา และทรัพย์สินที่เห็น แต่ของใหม่เราจะขยายผลไปยังคนบงการ และตนมั่นใจว่าข้าราชการจะไม่มีการทุจริต เพราะเราได้แก้ปัญหาโดยการตั้งรางวัลการแจ้งเบาะแสสำหรับประชาชน 500 ล้านบาท และมีรางวัลสำหรับเจ้าหน้าที่ในกระบวนการทำงานอีกด้วย ยาเสพติดวันนี้ใช้สารเคมี มีต้นทุนแค่ 50 สตางค์ โรงงานแย่งกันผลิต หากโดนจับ 99 ครั้ง ผ่านแค่ครั้งเดียวเขาก็กำไรแล้ว นี่จึงเป็นเหตุให้ยาออกมาเยอะ ไม่ใช่เราไม่ปราบปรามฯ”

นายสมศักดิ์ฯ รมว.ยุติธรรม กล่าวต่ออีกว่า “ผมมั่นใจในบันไดขั้นที่ 2 ที่เราได้ตั้งไว้จะประสบผลสำเร็จ เพราะเรามีประมวลกฎหมายใหม่ มีการยึดทรัพย์ มีการแยกคดีแพ่งและอาญา ทำให้การทำงานสะดวกขึ้น และตนขอให้ทุกท่านช่วยบอกชาวบ้าน ถึงงานกระทรวงยุติธรรม เรามีกองทุนยุติธรรม ให้การช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนทางด้านกฎหมาย และยังมี พ.ร.บ.ค่าตอบแทนผู้เสียหาย ค่าทดแทน ค่าใช้จ่ายจำเลยในคดีอาญา เรามีเงินช่วยเหลือตรงนี้ปีละ 450 ล้านบาท และยังมีการช่วยเหลือผู้เป็นหนี้ กยศ. ที่เราจะจัดงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้ในเดือนมกราคม 2565 เราได้ดำเนินการนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่บอกว่า เราจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง และในงานต่างๆของกระทรวงต้องทำให้หน่วยงานทุกจังหวัดเข้าใจฯ”

จากนั้นเวลา รมว.ยุติธรรม และคณะตรวจเยี่ยมเรือนจำกลางนครพนม โดยมีตัวแทนญาติผู้ต้องขังมอบดอกไม้ขอบคุณ โดยนายสมศักดิ์ฯ กล่าวแก่ญาติผู้ต้องขัง ว่า การดูแลผู้ต้องขังตนดูแลอย่างดีตามกฎระเบียบและสิทธิมนุษยชน ขอให้ญาติๆช่วยเตือนผู้ต้องขังโดยเฉพาะคดียาเสพติด ขอให้เลิกเข้าไปยุ่งเกี่ยวอีก เพราะหากกระทำผิดซ้ำก็จะไม่ได้รับการเลื่อนชั้นและลดโทษได้ง่ายแบบครั้งแรก ขอให้มาช่วยเป็นสายให้ทางราชการดีกว่า เพราะมีรางวัลนำจับด้วย แต่หากกลับมาค้ายาจะหมดอนาคตทันทีเพราะกฎหมายใหม่รุนแรงมากในการยึดทรัพย์ โดยปี 2565 ตั้งเป้ายึดทรัพย์เครือข่ายยาเสพติดไว้ที่ 10,000 ล้านบาท หากสามารถยึดทรัพย์ได้ผู้ชี้เป้าจะได้ค่าตอบแทนเป็นส่วนแบ่ง 3 % หรือร้อยละ 3 บาท หรือยึดทรัพย์ได้ 2,000 ล้านบาท ผู้ชี้เบาะแสได้ทันที 60 ล้านบาท หากอยากจะให้ข้อมูลโทรได้ที่ 1386 ส่วนการปรับโทษตามกฎหมายใหม่ เรามีกองทุนยุติธรรม และ ป.ป.ส. มาให้คำแนะนำกับผู้ต้องขังในการทำคำร้องต่อศาลด้วย

จากนั้นได้ตรวจเยี่ยมโครงการโคกหนองนาโมเดล และตรวจเยี่ยมศูนย์เรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง และแปลงเกษตร ผลิตภัณฑ์ไม้จากผู้ต้องขังโดย นายสมศักดิ์ได้ลงมือปลูกมะพร้าวน้ำหอมจากสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดนครพนม จำนวน 20 ต้นด้วย

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน