นครพนม สุดสลดสาวประเภทสอง วัย 42 ปี หึงโหดเมาทะเลาะแฟนหนุ่ม วัย 29 ปี มีปากเสียงกันในบ้านหลังร่วมวงเหล้าอาหารเย็น ก่อนใช้มีดทำครัวจ้วงแทงต่อหน้าน้องสาวผู้ตาย ปมเมาหึงโหดกลัวไปมีแฟนสาว ก่อนรอมอบตัวตำรวจ พ่อแม่ร่ำไห้สูญเสียเสาหลักครอบครัวยากจน ผู้ใจบุญให้บ้านอยู่ฟรี ไม่มีแม้แต่เงินทำศพ ต้องเก็บไว้ที่โรงพยาบาล ซ้ำร้ายพ่อแม่ ไร้บัตรประชาชน ไร้หน่วยงานช่วยเหลือ มีหลานสาวอีก 4 ชีวิต เด็กสุดแค่ 1 ขวบ ต้องดูแลยังไม่รู้อนาคต
เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับ คดีสาวประเภทสอง หึงโหดแทงแฟนหนุ่มเสียชีวิตคาบ้านพัก เหตุเกิดเมื่อเวลา 20.00 น.วันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2565 ที่บ้านเลขที่ 31/7 ซอยข้างวัดป่าศรีสมพร ใกล้ห้างบิ๊กซี ถนนเลี่ยงเมือง ในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ภายหลังเกิดเหตุทางด้าน พ.ต.อ.ณัฏฐวิชฌ์ ราชแก้ว ผกก.สภ.เมืองนครพนม พร้อมด้วย ร.ต.ท.มนัสนันท์ บุรีภักดี รองสารวัตรสอบสวน และตำรวจชุดสืบสวน เข้าตรวจสอบจับกุม ผู้ก่อเหตุ ขณะยังรอมอบตัวอยู่ในบ้านพักปูนชั้นเดียว ทราบชื่อผู้ก่อเหตุคือ นายสุบัน ภูมิดา อายุ 42 ปี เป็นชาวลาวที่หลบหนีเข้ามาพักอาศัยทำงานรับจ้าง อยู่ในเขต อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม มานานกว่า 10 ปี ไม่มีเอกสารหนังสือเดินทางเข้ามาในประเทศตามกฎหมาย เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวมาสอบสวน ส่วนผู้ตายเป็นแฟนหนุ่มของผู้ก่อเหตุ ทราบชื่อ คือ นายสมพร หอมมะลิ อายุ 29 ปี ทำงานรับจ้างเป็นพนักงานโรงน้ำแข็งแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ ต.หนองญาติ อ.เมืองนครพนม ซึ่งถูกอาวุธปีดปลายแหลมทำครัว ยาวประมาณ 30 เซนติเมตร จ้วงแทงบริเวณต้นขาขวาเป็นแผลลึก ตัดเส้นเลือดใหญ่ เสียชีวิตหลังส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม
ข่าวน่าสนใจ:
- นครพนม : หมอสงค์ หมอผู้สร้าง เปิดตัวสมัครนายก อบจ.นครพนม พร้อม ส.อบจ.นครพนม
- มุกดาหาร แรลลี่ลุ่มน้ำโขง MEKONG CAR RALLY ท่องเที่ยวกลุ่มจังหวัดสนุก ปชส. จังหวัดทั้ง 3 รับนักท่องเที่ยวปีใหม่
- นครพนม: เลขาธิการ ป.ป.ส. และ มทภ.2/ผบ.นบ.ยส.24 ประชุมสรุปผลรอบ 3 เดือน โชว์ผลงานยึดยาบ้ากว่า 45 ล้านเม็ด มูลค่ากว่า 3 พันล้านบาท
- เพชรบูรณ์ - "ครอบครัวศรีประโค" บริจาคกระจกตาพ่อที่เสียชีวิต หวังช่วยให้ผู้อื่นกลับมามองเห็น
เบื้องต้นจากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทราบว่า สาวประเภทสองที่ก่อเหตุ หลังเลิกงาน ชอบมาตั้งวงดื่มเหล้ากับแฟนหนุ่ม และมีปากเสียงกันประจำ เนื่องจากสาวประเภทสอง มีอารมณ์ฉุนเฉียว อารมณ์ร้อนเวลาเมา ทำให้มีปากเสียงจากปัญหาหึงหวงแฟนหนุ่ม จนทะเลาะกันเป็นประจำ โดยคบหากันมาเมื่อประมาณปีกว่า จนกระทั่งล่าสุดขณะนั่งดื่มเหล้าขาว ในบ้าน โดยมีญาติพี่น้องอยู่ด้วย จู่ๆ ทางสาวประเภทสองหาจังหวะ ใช้มีดทำครัวจ้วงแทงเข้าที่บริเวณต้นขาของแฟนหนุ่มเลือดสาดเต็มบ้าน คาดว่าตัดเส้นเลือดใหญ่ และพยายามจะแทงซ้ำ หลังจากมีปากเสียงกัน ทำให้น้องสาวผู้ตายวิ่งเข้าไปช่วยไว้ได้ทัน ก่อนประสานเจ้าหน้าที่นำตัวส่งไปรักษาที่โรงพยาบาลนครพนม แต่เสียชีวิตภายหลัง โดยทางผู้ก่อเหตุอ้างว่าไม่มีเจตนาฆ่าแต่ ทำไปเพราะความโมโห และมีอาการเมาเหล้า จนภายหลังรู้สึกสำนึกเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ตามทางตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการสอบสวนอย่างละเอียดรวมถึงสอบสวนพยานใกล้ชิด สรุปผลการดำเนินคดีตามกฎหมาย ทั้งนี้ได้แจ้งข้อหาเบื้องต้น 2 ข้อหาหลัก คือ ทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย รวมถึงหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ส่วนการทำแผนรับสารภาพอยู่ระหว่างการพิจารณาตามขั้นตอนของกฎหมาย และเตรียมนำตัวฝากขังต่อศาลจังหวัดนครพนมต่อไป
ด้าน นางสาว พีรยา ธะนะเหลา อายุ 26 ปี น้องสาวผู้ตาย กล่าวว่า ช่วงเกิดเหตุตนดูแลเด็กๆ ลูกสาว 3 คน หลานสาวอีก 1 คน อยู่ภายในบ้าน กำลังเตรียมทานข้าวเย็นตามปกติ ส่วนพี่ชายที่เสียชีวิต เลิกงานกลับมา กับแฟนที่เป็นสาวประเภทสอง ได้นั่งร่วมวงกินข้าวดื่มเหล้าขาว จนกระทั่งมีปากเสียงกันตามปกติเพราะส่วนใหญ่ สาวประเภทสองที่ก่อเหตุจะเป็นคนอารมณ์ร้อนเมาแล้วชอบโวยวายทะเลาะกัน ปัญหาหลักคือความหึงหวงพี่ชายไปมีแฟนสาว ไม่คิดว่าจะจบแบบนี้ อาศัยจังหวะพี่ชายเผลอใช้มีดทำครัวจ้วงแทงเข้าที่ต้นขา ตนจึงพยายามเข้าไปช่วย ขณะที่จะพยายามแทงซ้ำอีก แต่ห้ามไว้ได้ทัน สุดท้ายต้องมาสูญเสียเสาหลักของครอบครัว เพราะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำงานรับจ้างมาดูแลพ่อแม่ หลานทั้งหมดอีก 4 คนในบ้าน เพราะครอบครัวยากจน อยู่ด้วยกันทั้งหมด 8 คน ในบ้าน ทำงานหาเช้ากินค่ำ รับจ้างทั่วไป ไม่มีแม้กระทั่งบ้านเป็นของตนเอง มีคนใจบุญให้อยู่ฟรี และไม่เคยมีหน่วยงานภาครัฐเข้ามาช่วยเหลือ
ส่วนนายอนันต์ ไชยสุระ อายุ 50 ปี พ่อผู้ตาย เปิดใจว่า ตนมีลูกชาย 3 คนผู้ตายเป็นลูกชายคนโต เลิกกับภรรยาคนเดิม มาหลาย 10 ปี แต่ลูกชายคนที่ตาย มาอยู่กับตน ซึ่งใช้ชีวิตกับภรรยาคนใหม่ คือ นางพร คงตะบิน อายุ 54 ปี พื้นฐานเป็นคน อ.นาหว้า จ.นครพนม ส่วนภรรยามีลูกติดเป็นลูกสาว 2 คน ชาย 1 คน โดยมีลูกสาวคนสุดท้อง คือ นางสาว พีรยา ธะนะเหลา อายุ 26 ปี มาอยู่ด้วย ทุกคนในครอบครัวทำงานรับจ้าง หาเช้ากินค่ำ ส่วนภรรยาตนมีหน้าที่ดูแลหลานสาว ถึง 4 คน อายุยังน้อยอยู่ คนเล็กสุดอายุแค่ 1 ขวบ ส่วนอีก 3 คน 9 ขวบ 10 ขวบ และ 11 ขวบ ทุกวันต่างคนจะมีหน้าที่ทำงานรับจ้างมาดูแลครอบครัว เพราะยากจน หาเช้ากินค่ำ ลำบากมาแต่เกิดไม่มีบ้านของตนเอง บ้านที่อยู่คือมีผู้ใจบุญให้อยู่ฟรี ส่วนลูกชายผู้ตายเคยมีภรรยา เลิกกันเมื่อ 4 -5 ปี ที่ผ่านมา มีลูกชาย 1 คน แต่อยู่กับภรรยา ไม่ได้มาอยู่ด้วย จากนั้นลูกชายที่ตายได้มาคบหากับ สาวประเภทสอง เมื่อประมาณปีกว่า มาพักอาศัยอยู่ที่บ้าน ยอมรับมีปัญหาทะเลาะกันหึงหวงกันตลอด เวลาเมาเหล้า สุดท้ายต้องมาสูญเสียลูกชายที่เป็นเสาหลัก ไม่คิดจะเกิดเรื่องแบบนี้
นายอนันต์ ไชยสุระ กล่าวอีกว่า ซ้ำร้ายที่สุดตนกับภรรยา ตั้งแต่เกิดรายชื่อตกหล่นจากทะเบียนราษฎร เพราะพ่อแม่ไม่ติดต่อแจ้งเกิด ทั้งที่ตนทั้ง 2 คน เกิดในไทย ไม่ใช่คนลาว พื้นฐานตนเป็นคน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม แต่สมัยก่อนพ่อแม่ไม่ใส่ใจ และไม่มีคนช่วยเหลือแจ้งเกิด ตนพยายามร้องทุกข์ไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้อง แต่ไม่ได้รับการช่วยเหลือ เพราะไม่มีบุคคลรับรอง กลายเป็นคนต่างด้าวไร้สัญชาติมาตลอด ส่วนลูกหลานที่เกิดมาได้เอกสารตามกฎหมายทุกคน มีแต่ตนกับภรรยาที่อยู่ตามสภาพ สำคัญที่สุดมาสูญเสียลูกชาย เสาหลักครอบครัวไป แม้กระทั่งเงินทำศพยังไม่มี ล่าสุดทางตำรวจแจ้งว่าแพทย์ระบุความเห็นให้ส่งศพไปชันสูตร ที่สถาบันนิติเวช จ.ขอนแก่น ทั้งที่ตนไม่ติดใจเพียงให้ดำเนินคดีเอาผิดกับคนก่อเหตุ แต่ต้องออกค่าใช้จ่ายเอง ประมาณ 6,000 บาท ทั้งที่ไม่มีเงินแม้แต่จะกินข้าวแต่ละวันยังลำบาก จึงไม่สามารถรับศพกลับมาบำเพ็ญกุศลได้ ศพลูกชายยังเก็บไว้ที่โรงพยาบาลนครพนม ไม่รู้จะขอความช่วยเหลือจากใคร นอกจากนี้ยังมีหลานสาว อีก 4 ชีวิต ที่จะเติบโตมีอนาคต ไม่รู้ชะตากรรม เพราะไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากหน่วยงานไหน ขอฝากไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องช่วยเหลือเมตตาครอบครัวตนด้วย
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: