X

ไม่ยอมเผาศพ พ่อแม่ เหยื่อมือปืน 11 นัด ร้อง ตร.หวั่นลงโทษไม่สาสม

นครพนม – ไม่ยอมเผาศพ พ่อแม่ เหยื่อมือปืน 11 นัด ร้อง ตร.หวั่นลงโทษไม่สาสม ยืนยัน มือปืนสร้างเรื่องใส่ร้าย ไม่เคยมีปัญหามาก่อน ผู้ตายเป็นคนดี

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2561 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ สภ.ศรีสงคราม จ.นครพนม ได้มีผู้เสียหาย ซึ่งเป็นญาติของ นายมงคล เสนคะ อายุ 39 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยนักบริหารงานทั่วไป เทศบาลตำบลศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม หลังถูกยิงเสียชีวิต บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 446 ถ.เทศบาล 15 บ้านปากอูน ต.ศรีสงคราม อ.ศรีสงคราม เหตุเกิด เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2561 ที่ผ่านมา ส่วนผู้ก่อเหตุ คือ นายโชคชัย สุขเกษม อายุ 43 ปี อาชีพทำสวนยาง อยู่บ้านเลขที่ 442 ต.ศรีสงคราม ซึ่งมีบ้านอยู่ละแวกเดียวกัน ใช้อาวุธปืน ขนาด 9 มม. ก่อเหตุยิงใส่ผู้ตาย รวมถึง 11 นัดเสียชีวิต ภายหลังก่อเหตุ ยังได้โทรศัพท์ติดต่อตำรวจขอมอบตัว

โดยทางญาติของผู้เสียชีวิต นำโดย นายไสว เสนคะ อายุ 71 ปี พร้อมด้วย ภรรยา นางบุญตา นันสีบุตร อายุ 71 ปี บิดามารดา รวมถึง นายปัณณวิชญ์ วังวร อายุ 35 ปี หลานชายผู้ตาย และญาติพี่น้อง ได้รวบรวมเอกสารหลักฐาน เข้าร้องเรียนต่อ พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.ศรีสงคราม รวมถึงสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องขอความเป็นธรรม เนื่องจากการก่อเหตุของผู้ต้องหา เป็นการกระทำที่โหดเหี้ยม อีกทั้งยังเชื่อว่าเป็นการวางแผน เจตนาลงมือยิงผู้เสียชีวิตมาก่อน นอกจากนี้หลังก่อเหตุ ยังมีการสร้างเรื่องให้ร้ายแก่ผู้ตาย ว่ามีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกัน รวมถึงกล่าวหาผู้ตายว่า เป็นคนสร้างปัญหา ทะเลาะเบาะแว้ง ข่มขู่อาฆาตครอบครัวผู้ก่อเหตุ จนทำให้เกิดความโมโหลงมือก่อเหตุ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง จึงต้องการออกมาเรียกร้องขอความเป็นธรรมกับตำรวจ รวมถึงกระบวนการยุติธรรม และสังคม ให้เข้าใจในข้อเท็จจริง เนื่องจากมีการเผยแพร่ข้อมูลออกทางสื่อโซเชียล ในทางที่ผิด เกิดความเสื่อมเสียอับอาย ต่อครอบครัว ญาติพี่น้องผู้ตาย ที่สำคัญยังเกรงว่า ผู้ก่อเหตุจะได้รับโทษไม่สาสมกับการกระทำ ต้องการให้ตำรวจมีการสอบสวน รวบรวมพยานหลักฐานให้มากที่สุดในการประกอบการดำเนินคดี และขอให้มีการตั้งข้อหาทุกข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ห้ามละเว้น ทำสำนวนส่งอัยการ โดยยังระบุว่า หากบุคคลดังกล่าวได้รับโทษน้อย ไม่สมกับการกระทำความผิด หากพ้นโทษออกมาจะเป็นภัยสังคม และยังยืนยันที่จะไม่เผาศพผู้ตาย จนกว่าผลทางคดีจะออกมาเป็นที่พอใจ

ทางด้าน พ.ต.อ.กิตติศักดิ์ จันทร์ศรี ผกก.สภ.ศรีสงคราม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ รวมถึงเอกสารหลักฐาน ข้อมูลเกี่ยวข้อง รวมถึงคลิปวิดีโอที่ญาติผู้ตายบันทึกไว้หลังเกิดเหตุ เพื่อจะมอบหมายให้พนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดี ได้สอบสวนเพิ่มเติม และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม พร้อมยืนยันว่า จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายตรงไปตรงมา และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เบื้องต้นตำรวจได้แจ้งข้อหาฐานความผิด ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา และพกพาอาวุธปืน ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่วนประเด็นในรายละเอียดข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา หรือมีการไตร่ตรองไว้ก่อน ทางตำรวจยังรอการพิจารณาจากพยานหลักฐานเพิ่มเติม ส่วนผู้ต้องหา ทางญาติไม่ได้ยื่นขอประกันตัว อยู่ระหว่างการฝากขังรอการพิจารณาคดี

นายปัณณวิชญ์ วังวร อายุ 35 ปี หลานชายผู้ตาย กล่าวว่า สำหรับเหตุการณ์ดังกล่าวทางญาติยังคงติดใจกับการก่อเหตุของผู้ต้องหา ไม่เพียงเป็นการกระทำที่โหดร้ายเกินมนุษย์ มีการลงมือก่อเหตุยิงถึง 11 นัด หนำซ้ำหลังก่อเหตุยังมีการกล่าวหา ใส่ร้าย ทำให้ผู้ตาย และครอบครัวเสื่อมเสีย จนมีข่าวแพร่ออกไปทางสื่อ ทั้งที่ไม่เป็นความจริง และเชื่อว่า การกระทำครั้งนี้ มีการไตร่ตรองวางแผนมาก่อน ไม่ใช่การกระทำจากอารมณ์ชั่ววูบ โดยตนในฐานะเป็นญาติ ยืนยันกับทุกคนว่า ผู้ตายเป็นคนดี มีศีลธรรมอันดี ไม่เคยมีนิสัยก้าวร้าว สามารถสอบถามเพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงานได้ เป็นคนที่มีความขยัน มีน้ำใจไมตรีอันดีกับทุกคน มีแต่คนรักใคร่ ชีวิตประจำวัน ทำงานหาเลี้ยงครอบครัว เป็นความหวังครอบครัว ทุกวันจะเป็นคนตั้งใจทำงานเลี้ยงครอบครัว ทำทุกอย่างที่สร้างรายได้ในอาชีพที่สุจริต นอกจากการรับราชการ มีเวลาไปวัดทำบุญ ทำงานการกุศลเพื่อส่วนรวม เพราะปีหน้าวางแผนจะแต่งงานกับแฟนสาวที่คบหากัน แต่คนร้ายมาใส่ร้ายป้ายสี เหยียบย่ำศักดิ์ศรีครอบครัวผู้ตาย สร้างเรื่องเพื่อให้ตัวเองดูดี ทั้งที่ไม่เคยมีปัญหาทะเลาะถึงขั้นรุนแรง

ส่วนบ้านไม่ได้มีรั้วติดกัน ที่สำคัญคืนวันก่อเหตุ ผู้ตายไม่ได้นอนที่บ้านด้วยซ้ำ ซึ่งจากการก่อเหตุ เชื่อว่าผู้ตายมั่นใจตัวเองไม่เคยมีปัญหากับใครถึงขั้นจะเป็นอันตราย ตื่นมาจะไปทำงาน จึงไม่ได้ระวังตัว แต่คนร้าย เป็นบุคคลที่กระทำเกินคน เป็นภัยสังคม จิตใจอำมหิต ไม่พอใจใคร ไม่ชอบใคร มาทำร้ายโดยไม่มีเหตุผล จึงอยากให้สังคมเข้าใจว่า เรื่องราวที่เผยแพร่ออกไปผ่านสื่อ เป็นการสร้างเรื่องทั้งนั้น คนร้ายคนนี้ควรได้รับโทษให้สาสม ทางญาติขอให้ตำรวจ หรือกระบวนการยุติธรรม ดำเนินการให้ถึงที่สุด ต้องได้รับโทษประหารชีวิตเท่านั้น ถึงแม้การลงโทษจะหนักแค่ไหน แต่ยืนยันไม่คุ้มกับชีวิตคนดีๆ แบบนี้ วอนสังคมเข้าใจ และเรื่องนี้ทางญาติจะติดตามคดีให้ถึงที่สุด หนำซ้ำในช่วงเวลาก่อเหตุ มีทั้งแม่ ทั้งภรรยา นั่งมาด้วย แต่ไม่มีการห้ามปราม ถือว่าโหดร้ายที่สุด และจะไม่มีการเผาศพหากผลของคดีไม่เป็นที่พอใจ ซึ่งได้ตั้งทนายความเข้าไปติดตามการดำเนินคดีใกล้ชิด

ด้าน นายไสว เสนคะ อายุ 71 ปี พร้อมด้วย ภรรยา นางบุญตา นันสีบุตร อายุ 71 ปี บิดามารดา เปิดใจว่า ตนเลี้ยงลูกมาเกือบ 40 ปี อยู่ใกล้ชิดดูแลแต่เด็ก พื้นฐานครอบครัว มีแต่มุ่งมั่นทำงาน ขยันซื่อสัตย์ อดทน ไม่เคยสอนลูกให้ไปสร้างปัญหาให้ใคร มีอะไรให้คุยด้วยเหตุและผล เพื่อนบ้าน สังคมในละแวกนี้ รู้จักครอบครัวตนดี ยืนยันว่าลูกชายไม่เคยไปสร้างปัญหา ทะเลาะกับใครถึงขั้นรุนแรง ส่วนครอบครัวคนก่อเหตุ ก่อนนี้ มีการพูดคุยปกติ ตามประสาคนชุมชนเดียวกัน ไม่เคยมีปัญหาบาดหมางกัน ก่อนเกิดเหตุอาทิตย์ที่ผ่านมา ตนยังมีน้ำใจเอากล้วยน้ำว้าให้แม่ของมือปืน หลังเขาเอาจดหมายมาส่ง เนื่องจากไปรษณีย์ไปส่งผิดบ้าน แต่สุดท้ายมาให้ร้ายว่าแค้นมานานปี เอาอะไรมาสร้างเรื่อง ทั้งที่ไม่เป็นความจริง ยอมรับวันนี้ครอบครัวสูญเสียลูกชายอันเป็นที่รัก เสาหลักครอบครัว เป็นลูกคนเดียว คนสุดท้อง ที่รับราชการ กำลังสร้างครอบครัว จากลูกทั้งหมด 6 คน อยากรู้จิตใจเขาทำด้วยอะไร อยากรู้ว่าเขาไม่พอใจอะไร ยืนยัน หากลูกตนเป็นคนไม่ดี หรือไปกระทำในสิ่งที่คนก่อเหตุพูด ตนจะไม่ติดใจเลย แต่นี่ไม่เป็นความจริง ที่พูดขึ้นมา เป็นการพูดเพื่อให้ตัวเองดูดี หนีความผิด คนตายพูดอะไรไม่ได้ วอนตำรวจ กระบวนการยุติธรรม ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัว คนก่อเหตุคนนี้จะต้องรับโทษที่สาสม

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน