ทต.น้ำก่ำ โวยเรือดูดทรายในแม่น้ำโขง ฉวยโอกาสดูดนอกเขตสัมปทานติดฝั่งไทย ร้องเรียนหลายครั้งไร้หน่วยงานเอาผิด ชี้ควรจัดระเบียบผู้ประกอบการอย่างจริงจัง
วันที่ 9 เมษายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีตัวแทนผู้บริหารเทศบาลตำบลน้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นำโดย นายภิศักดิ์สัน เสโนฤทธิ์ อายุ 56 ปี ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ พร้อมตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่นำสื่อมวลชน ลงตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อสะท้อนปัญหาไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องที่รับผิดชอบ เกี่ยวกับดูแล จัดระเบียบ ผู้ประกอบการดูดทรายในแม่น้ำโขงพื้นที่ อ.ธาตุพนม ภายหลังได้ตรวจพบว่าผู้ประกอบการเรือดูดทรายบางราย ฉวยโอกาสแสวงผลประโยชน์จากการนำทรัพยากรธรรมชาติ หิน กรวด ทรายในลำน้ำโขงไปขาย มีรายได้ผลประโยชน์มหาศาลปีละหลายล้านบาท
โดยผู้ประกอบกิจการบางรายไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อตกลงเกี่ยวกับกฎหมายดูแลควบคุมผู้ประกอบการท่าทราย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงสร้างความเสียหายแก่รัฐ ซึ่งเทศบาลตำบลน้ำก่ำเคยทำหนังสือร้องเรียนไปยัง หน่วยงานเกี่ยวข้อง ระดับจังหวัด กรมเจ้าท่า ผู้ว่าราชการจังหวัดนครพนม กระทรวงมหาดไทย รวมถึงแม่ทัพภาค 2 ให้มีการตรวจสอบแก้ไข แต่สุดท้ายยังไม่มีความคืบหน้า จึงต้องร้องเรียนผ่านสื่อ ร่วมตรวจสอบ แก้ไข สะท้อนปัญหา เนื่องจากพื้นที่เขต อ.ธาตุพนม เป็นพื้นที่การขออนุญาตดูดทรายแบบสัมปทาน นำเข้าจากประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่งตามกฎหมายมีการกำหนดพื้นที่แนวเขต จุดที่สามารถเรือดูดทรายจะดำเนินการได้ไว้อย่างชัดเจน แต่จากการตรวจสอบพบว่า บางรายตีมึนฉวยโอกาสดูดทราย ใกล้ริมเขื่อนฝั่งไทยถือว่าผิดกฎหมาย และเป็นการหาช่องว่างฉวยโอกาสลดต้นทุนในการขนส่ง อีกทั้งต้องการให้มีการตรวจสอบ เกี่ยวกับปริมาณการนำเข้าว่ามีการเสียภาษีแก่รัฐถูกต้องหรือไม่
ด้าน นายปิตานนท์ ปัญญา นายอำเภอธาตุพนม ให้ข้อมูลว่าในพื้นที่ อ.ธาตุพนม มีการขออนุญาตดูดหินทราย 7 ราย โดยมีการขอคณะกรรมการระดับจังหวัด ที่มีหลายหน่วยงานกำกับดูแล ในส่วนของอำเภอธาตุพนม เป็นหน่วยงานร่วมตรวจสอบ ไม่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง โดยที่ผ่านมายอมรับว่าได้รับข้อมูลการร้องเรียนจากชาวบ้านจริง และมีการเสนอผ่านไปยังหน่วยงานเกี่ยวข้องตรวจสอบตามขั้นตอน อย่างไรก็ตามหลังมีการร้องเรียน ตนจะได้หารือประสาน หน่วยงานเกี่ยวข้อง เร่งตรวจสอบดูแลแก้ไข และดำเนินการในอำนาจหน้าที่ของส่วนอำเภอ ที่สามารถดำเนินการได้ ยืนยันว่าทางอำเภอธาตุพนม ไม่ได้ละเลย และพร้อมที่จะแก้ไขปัญหาที่กระทบกับชาวบ้าน
ส่วน นายภิศักดิ์สัน เสโนฤทธิ์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ เปิดเผยว่า ปัจจุบันพื้นที่ อ.ธาตุพนม โดยเฉพาะในเขต ต.น้ำก่ำ อ.ธาตุพนม เป็นจุดสำคัญในการดำเนินธุรกิจดูดทราย รวมถึงหินกรวด ของผู้ประกอบการ จากการตรวจสอบข้อมูลพบว่ามีประมาณ 7 ราย ซึ่งเป็นการขออนุญาตแบบสัมปทานนำเข้า โดยมีระเบียบตามกฎหมาย คือจะต้องได้รับสัมปทานจากฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน และมีแนวเขตชัดเจนในการนำเรือไปดูดทรายในลำน้ำโขง แต่ไม่สามารถที่จะเข้ามาดูดทรายใกล้เขื่อนป้องกันตลิ่งของฝั่งไทยได้ ซึ่งมีระเบียบกำหนดไว้ชัดเจน
แต่ปัจจุบันตนพร้อมชาวบ้าน มีการตรวจสอบพบว่า ผู้ประกอบการเรือดูดทรายบางราย มีการฉวยโอกาสดูดใกล้ฝั่งไทย รวมถึงไม่มีแนวเขตชัดเจน ในการดูดหินทราย เป็นการฉวยโอกาส เนื่องจากไม่มีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดูแลตลอดเวลา จึงหาโอกาสลดต้นทุน ถือว่าเป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ ทำลายสิ่งแวดล้อม อีกทั้งกระทบวิถีชีวิตชาวบ้านที่มีอาชีพประมงหาปลา ตนได้รวบรวมเอกสารหลักฐาน ไปยังหน่วยงานระดับจังหวัด ไปจนถึงกองทัพภาค 2 หลายครั้ง แต่ยังไม่มีความคืบหน้า จึงต้องการสะท้อนผ่านสื่อให้มีการตรวจสอบ เร่งรัดให้หน่วยงานรับผิดชอบมาดูแลแก้ไข ไม่อยากให้ผู้ประกอบการบางราย ที่เห็นแก่ตัวฉวยโอกาสกอบโกยผลประโยชน์เข้าตัวเอง แต่สร้างความเสียหายแก่รัฐ จึงต้องการให้มีการตรวจสอบแนวเขต แล้วดำเนินการวางแนวเขตในการดูดทรายที่ชัดเจน และตรวจสอบควบคุม ห้ามไม่ให้รุกน่านน้ำฝั่งไทย และยังทำลายสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ประกอบอาชีพประมงของชาวบ้าน ให้มีการตรวจสอบปริมาณนำเข้าว่า ตรงตามที่ขออนุญาตหรือไม่ ป้องกันไม่ให้แอบแฝงฉวยโอกาสเลี่ยงภาษี
นอกจากนี้ในส่วนของการบรรทุกขนส่งหิน ทราย ยังพบว่ามีปัญหาสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน เพราะบรรทุกน้ำหนักเกิน ไม่คลุมผ้าใบ สร้างมลพิษ และทำลายถนนเส้นทางจราจรในชุมชน ที่สร้างจากภาษีประชาชน ฝากหน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบดูแล อย่าปล่อยปะละเลย ให้มีการแสวงผลประโยชน์ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายที่เกิดขึ้นกับชุมชน
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า มีเรือดูดทรายของผู้รับสัมปทานรายหนึ่งกระทำผิดซ้ำซาก กล่าวคือช่วงเดือนมีนาคม 2564 ตำรวจน้ำธาตุพนมร่วมกับ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ธาตุพนม พร้อมด้วยทหารและเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบ กลุ่มผู้ลักลอบกระทำผิดของผู้ประกอบการดูดหินทรายตามลำน้ำโขงในพื้นที่ ต.น้ำก่ำ หลังได้รับร้องเรียนจากประชาชนว่า มีการลักลอบกระทำผิดดูดหินทราย ในฝั่งประเทศไทย แต่มีการสำแดงเท็จอ้างนำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่ได้รับสัมปทาน เป็นการกระทำความผิดกฎหมายซึ่งหน้าเจ้าหน้าที่มานาน หลังตรวจพบว่าผู้ประกอบการรายนี้ฉวยโอกาสดูดในน่านน้ำฝั่งไทย อีกทั้งยังสำแดงเท็จต่อศุลกากรอีกด้วย มาปีนี้ก็ยังคงเส้นคงวาใช้พฤติกรรมเดิมๆ
ขณะเดียวกันในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน จ.นครพนม ซึ่งเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่มีการร้องเรียนเรื่องการดูดทรายเช่นเดียวกัน ฝ่ายปกครองจึงร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องออกตรวจสอบ ควบคุม ให้ผู้ประกอบการดูดทรายในพื้นที่ อ.ท่าอุเทน ดำเนินการให้ถูกต้องตามกฎหมาย และต้องไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้อื่นควบคู่กันไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: