สุดเอือมพระเดินเรี่ยไรเงินกลางเมืองนครพนม รวบตัวส่งเจ้าคณะอำเภอตรวจสอบ พบพกใบสุทธิปลอมแอบอ้าง ยอมถอดผ้าเหลืองก่อนโดนประชาทัณฑ์
กรณี นายอนุชา วรัญญูสุธน นายกสมาคมกู้ภัยศรีสัตตนครพนม ได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านหลายราย ว่า มีพระสงฆ์บิณฑบาตและเรี่ยไรเงินในเขตเทศบาลเมืองนครพนม ตั้งแต่เช้าจรดบ่าย จึงต้องการให้ตรวจสอบว่าพระดังกล่าวที่ออกมาสร้างความเดือดร้อนรำคาญนั้นเป็นพระแท้จริงหรือไม่ จึงมีการติดตามพระสงฆ์ตามที่ร้องเรียนพบว่ามีทั้งหมด 4 รูป กระจายออกบิณฑบาตและเรี่ยไรในพื้นที่เทศบาลเมืองนครพนม กระทั่งทราบพิกัดว่าพระทั้ง 4 รูป ปลูกกระท่อมอยู่บริเวณที่นาของชาวบ้านใกล้กับสุดีศิลป์รีสอร์ท ถนนบายพาสตัดใหม่เยื้องโรงแรมฟอร์จูนริเวอร์วิวท้ายเมือง ถนนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 212 (ถนนชยางกูร) สายนครพนม-ธาตุพนม จึงประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมตรวจสอบ
ล่าสุด วันที่ 24 เมษายน 2565 เวลา 18.00 น. ตำรวจสืบสวน สภ.เมืองนครพนม ได้นิมนต์พระสงฆ์ทั้ง 4 รูปไปยังวัดมหาธาตุ ถนนสุนทรวิจิตร เขตเทศบาลเมืองนครพนม เพื่อให้คณะสงฆ์ตรวจสอบ โดยมี พระครูกิตติสุตานุยุต เจ้าคณะอำเภอเมืองนครพนม (มหานิกาย) เจ้าอาวาสฯเป็นผู้สอบสวนในศาลาการเปรียญ ซึ่งพระผู้ถูกกล่าวหา 3 รูปได้นำใบสุทธิยื่นให้เจ้าคณะอำเภอฯตรวจสอบ มีเพียงรูปเดียวที่ไม่มีใบสุทธิมีชื่อตามบัตรประชาชนว่า นายทวีศักดิ์ กุณา อายุ 64 ปี บ้านเลขที่ 135 หมู่ 1 ต.ซับสีทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ที่อ้างว่าถูกยกเค้าไปหมดขณะปักกลดอยู่ที่จังหวัดสกลนคร เมื่อสอบถามใบแจ้งความก็พูดเฉไปไฉมา
ส่วนพระภิกษุ 3 รูปที่มีใบสุทธิทราบว่าชื่อ พระรัตนชัย พวงนวน อายุ 61 ปี บ้านเลขที่ 240,พระประจวบ โคตประทุม อายุ 65 ปี บ้านเลขที่ 222,พระบุญเลิศ ภูมิชะนะ อายุ 38 ปี บ้านเลขที่ 81 โดยทั้งหมดมาจากหมู่บ้านเดียวกันคือหมู่ที่ 1 ต.ซับสีทอง อ.เมือง จ.ชัยภูมิ
ทั้งนี้ พระวิญญาธิการ (กิตติชัย สุขวัฑฒโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุ/เลขาเจ้าคณะอำเภอเมืองนครพนม เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบข้อเท็จจริง เนื่องจากพระทั้ง 4 รูป อ้างว่าได้บวชอยู่ที่วัดศรีนิลวนาราม บ้านซำจำปา หมู่ 11 ต.โนนปอแดง อ.ผาขาว จ.เลย โดยมีพระครูสิทธิสารคุณ (สมยศ) รองเจ้าคณะอำเภอผาขาว/เจ้าอาวาสวัดศรีนิลวนาราม (ในขณะนั้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ เมื่อสอบถามไปยังวัดศรีนิลฯทราบว่าพระครูรูปดังกล่าวกระทำผิดต่อระเบียบสงฆ์ ว่าด้วยการออกใบสุทธิปลอมจึงถูกปลดออกจากตำแหน่งและถูกขับออกจากวัดไปตังแต่ปี พ.ศ.2562 อีกทั้งวัดศรีนิลฯก็ไม่โบสถ์เพื่ออุปสมบทตามที่พระทั้ง 4 รูปอ้างแต่อย่างใด และเจ้าอาวาสวัดศรีนิลฯรูปปัจจุบันก็ไม่ยอมรับพระที่กล่าวอ้างเพราะไม่ได้มีการบวชจริง แต่พระทั้ง 4 รูปก็ยังดันทุรังจะขอเมตตาจากพระครูกิตติสุตานุยุต ให้ออกหนังสือรับรองว่าเป็นพระแท้เพื่อนำไปแสดงระหว่างเดินทางกลับวัดต้นสังกัด แต่ท่านเจ้าอาวาสวัดมหาธาตุเกรงจะนำหนังสือไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง จึงแจ้งให้พระเถื่อนทั้งหมดถอดผ้าเหลือง มิเช่นนั้นฆราวาสอีกหลายคนแจ้งความดำเนินคดี ทั้งหมดจึงยอมถอดผ้าเหลืองที่ห่มแต่โดยดี
ด้าน นางมยุรี โกพลรัตน์ อายุ 74 ปี เจ้าของธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ท เปิดเผยว่าไม่ทราบมาก่อนว่าพระสงฆ์ 4 รูปจะเป็นพระปลอม ตนในฐานะพุทธบริษัทเห็นพระภิกษุห่มผ้าเหลืองมาก็เกิดศรัทธา จึงมอบพื้นที่ว่างเปล่าให้ปลูกกระท่อมเป็นสถานที่จำวัด ส่วนตัวเองหลังอนุเคราะห์พื้นที่แล้วก็ไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยว มาทราบอีกครั้งตอนเจ้าหน้าที่ตำรวจเชิญไปร่วมสังเกตการณ์ที่วัดมหาธาตุจึงทราบความจริง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเข้ามาอยู่นานหรือยัง นางมยุรีตอบเกือบ 3 เดือนแล้ว ซึงหลังจากที่ทั้งหมดออกจากผ้าเหลืองแล้ว นายอนุชา วรัญญูสุธน นายกสมาคมกู้ภัยศรีสัตตนครพนม ได้มอบเงินเป็นค่าเดินทางกลับภูมิลำเนาจำนวนหนึ่ง พร้อมกับบอกว่าถ้าเป็นศาสนิกชนจริงอย่าทำให้ศาสนาเสื่อม โดยอาศัยความเชื่อความศรัทธาของชาวพุทธมาเป็นเครื่องมือหากิน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ช่วงกลางเดือนมกราคม 65 เจ้าหน้าที่ทหาร ฝ่ายปกครอง และตำรวจ สภ.วังน้อย จ.อยุธยา นำกำลังเข้าปิดล้อมบริเวณป่าข้างทางริมถนนพหลโยธิน กม.ที่ 60 ต.ลำไทร เพื่อตรวจค้นพระเดินธุดงค์ที่ปักกลดอยู่บริเวณนั้น ตรวจสอบใบสุทธิพบว่าเป็นพระลูกวัดศรีนิลวนาราม บ้านซำจำปา หมู่ 11 ต.โนนปอแดง อ.ผาขาว จ.เลย และมีพระปลอมหนึ่งคนชื่อนายสำราญ ฉิมสำโรง อายุ 47 ปี จึงทำประวัติไว้เป็นหลักฐาน
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: