เจ้าท่านครพนมเข้ม จ่อเอาผิดถอนใบอนุญาตผู้ประกอบการ พบนำเรือดูดหินทรายนอกเขตสัมปทาน อหังการ์ตั้งตนเป็นอั้งยี่นำเรือเถื่อนทับพื้นที่ผู้อื่น
ผู้สื่อข่าวได้รายงานความคืบหน้า กรณีมีผู้บริหารเทศบาลตำบลน้ำก่ำ อ.ธาตุพนม จ.นครพนม นำโดย นายภิศักดิ์สัน เสโนฤทธิ์ ที่ปรึกษานายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลน้ำก่ำ พร้อมตัวแทนชาวบ้านในพื้นที่ออกมาร้องเรียนให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดระเบียบผู้ประกอบการสัมปทานดูดทรายในพื้นที่ดังกล่าว หลังมีการตรวจสอบพบผู้รับสัมปทานบางราย ฉวยโอกาสร่วมกับเรือดูดทรายเถื่อนแสวงผลประโยชน์จากการนำทรัพยากรธรรมชาติ หิน กรวด ทรายในลำน้ำโขงไปขายโดยไม่ผ่านพิธีการศุลกากร อีกทั้งไม่ปฏิบัติตามระเบียบข้อตกลงเกี่ยวกับกฎหมายดูแลควบคุมผู้รับสัมปทานท่าทราย ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทำลายทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงสร้างความเสียหายแก่รัฐ เนื่องจากพื้นที่เขต อ.ธาตุพนม จ.นครพนม เป็นพื้นที่การขออนุญาตดูดทรายแบบสัมปทาน นำเข้าจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งตามกฎหมายมีการกำหนดพื้นที่แนวเขต จุดที่เรือดูดทรายสามารถดำเนินการได้
ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่า ผู้รับสัมปทานบางรายฉวยโอกาส นำเรือดูดทราย ใกล้ริมตลิ่งติดฝั่งไทย ถือว่าผิดกฎหมาย และเป็นการหาช่องว่างฉวยโอกาสลดต้นทุนในการขนส่ง โดยผู้บริหารและผู้แทนชาวบ้านต้องการให้มีการตรวจสอบ เกี่ยวกับปริมาณการนำเข้าว่ามีการเสียภาษีแก่รัฐถูกต้องหรือไม่ โดยทราบเบื้องต้นว่าผู้รับสัมปทานรายนี้ช่วงปี 2564 เคยถูกเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานหนึ่งจับกุมมาแล้วเพราะประกอบกิจการผิดระเบียบข้อบังคับที่กฎหมายกำหนดไว้ ภายหลังวิ่งเต้นจนหลุดข้อกล่าวหา จึงกลับมาประกอบกิจการใหม่อีกครั้ง ครั้งนี้ร่วมกับผู้ประกอบการเถื่อนชื่อย่อว่า “นอ” ที่ไม่ได้รับสัมปทานทั้งในและต่างประเทศ นำเรือดูดทรายจากจังหวัดมุกดาหาร เข้ามาดูดทรายทับพื้นที่ผู้ที่ได้สัมปทานถูกต้อง แม้ผู้ประกอบการด้วยกันเตือนแล้ว ก็ไม่กริ่งเกรงกฎหมายอ้างว่ามีลูกพี่ระดับบิ๊กคุ้มครอง
ล่าสุด สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม ได้ประสานงานกับหน่วยงานความมั่นคงระดับจังหวัด รวมถึง ศุลกากรนครพนม ฝ่ายปกครองอำเภอธาตุพนม เข้มงวดตรวจสอบ กำชับให้ผู้ประกออบการดูดหินทราย ต้องเดินเรือตามกฎหมายกำหนด และมีการขออนุญาตนำเข้าตามกฎหมายศุลกากรเท่านั้น และต้องเดินเรือตามระเบียบกรมเจ้าท่า หากพบกระทำผิดจะดำเนินคดีตามกฎหมายทันที มีโทษสูงสุดถึงขั้นเสนอถอนใบอนุญาต
ด้าน นายธานี ศิริพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม เปิดเผยว่า สำหรับสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานครพนม รับผิดชอบพื้นที่ 3 จังหวัด มี สกลนคร มุกดาหาร นครพนม อำนาจหน้าที่คือดูแลผู้ประกอบการเดินเรือ ปฏิบัติตาม พ.รบ.เดินเรือน่านน้ำไทย โดยเน้นเรื่องปราบปรามผู้กระทำผิดเกี่ยวกับการเดินเรือ ควบคุมไม่ให้มีการกระทำผิดของผู้ประกอบการเดินเรือดูดหินทราย ซึ่งจะต้องเดินเรือตามกรอบการเดินเรือ ส่วนใหญ่การกระทำผิดจะเป็นเรื่องของใบอนุญาตการเดินเรือ คุณสมบัติคนขับเรือ รวมไปถึงคุณสมบัติในการขออนุญาตดูดหินทราย โดยจะมีการขออนุญาตควบคู่กับหน่วยงานความมั่นคง รวมถึงคณะกรรมการระดับจังหวัด ระดับอำเภอ ที่จะต้องดูแลร่วมกัน
ส่วนในพื้นที่ จ.นครพนม จะมีผู้ประกอบการท่าทรายในพื้นที่โซนเหนือ อ.ท่าอุเทน เป็นการดูดทราย ณ ที่ตั้ง ตามมาตรา 9 ตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยการขออนุญาตให้ดูดทราย พ.ศ.2546 มีประมาณ 7 ราย และมีรายหนึ่งตั้งตนเป็นอั้งยี่ นำเรือดูดทรายทับพื้นที่ทั้งฝั่งไทยและฝั่งประเทศลาว จึงถูกเจ้าหน้าที่ทางการลาวเข้ายึดเรือดูดทรายขณะรุกล้ำน่านน้ำประเทศลาวเมื่อต้นเดือนเมษายนนี้เอง
นอกจากนี้ในโซนใต้คือพื้นที่ อ.ธาตุพนม จะเป็นการดูดทรายในรูปแบบการสัมปทานนำเข้ารวมประมาณ 6-7 ราย โดยการดูแลของหน่วยงานศุลกากรนครพนม ส่วนหน่วยงานเจ้าท่าจะดูแลเรื่องการแจ้งเข้า-ออกเรือ ใบอนุญาตเดินเรือ ทั้งนี้สำคัญที่สุดผู้ประกอบการจะต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับการเดินเรือโดยเคร่งครัด ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางเดินเรือ เขตสัมปทานที่จะวางเส้นทางจุดเดินเรือดูดทราย จะต้องเดินเรือตามเวลากำหนด ตั้งแต่เวลา 06.00 น. – 18.00 น. รวมถึงต้องมีการแจ้งจำนวนเรือ มีจุดทางลาดที่มีการขออนุญาตชัดเจน เที่ยวเรือที่เข้าออก ต้องแจ้งให้ชัดเจน อย่างไรก็ตามการดำเนินการจะต้องผ่านกระบวนการทางศุลกากรให้ถูกต้อง และทางหน่วยงานเจ้าท่า ถึงจะสามารถดำเนินการได้ อย่างไรก็ตามหลังมีการร้องเรียน จะได้หารือหน่วยงานเกี่ยวข้อง เพื่อตรวจสอบดำเนินการ หากพบกระทำผิดว่าหากเป็นการสัมปทาน แต่มีการดูดหินทรายในพื้นที่ฝั่งไทย จะต้องมีการพิจารณาเอาผิดตามกฎหมาย ของหน่วยงานเกี่ยวข้อง โทษสูงสุดถึงขั้นเสนอถอนใบอนุญาต ฝากผู้ประกอบการทุกรายต้องทำตามกฎหมาย
