นครพนมพร้อม 100 % เปิดพรมแดนระหว่างประเทศ ผกก.ตม.สั่งการเข้าปฏิบัติหน้าที่ทุกจุดบริการดูแลนักท่องเที่ยว ปชช.
สืบเนื่องจาก ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ประกาศมติผ่อนผันมาตรการในการเดินทางเข้า-ออก สปป.ลาว โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ทั้งนี้ จังหวัดนครพนมซึ่งมีพรมแดนด้านทิศตะวันออกติดกับ สปป.ลาว เริ่มจากเขตอำเภอบ้านแพง(ทิศเหนือ) ถึงอำเภอธาตุพนม(ทิศใต้) ประมาณ 174 กิโลเมตรโดย มีแม่น้ำโขงเป็นเส้นกั้นพรมแดน และอยู่ตรงข้ามกับแขวงบอลิคำไซ และ แขวงคำม่วน ก่อนหน้าที่จะเกิดวิกฤตโรคโควิดระบาด พลเมืองทั้งสองประเทศได้มีการเดินทางไปมาหาสู่กันประจำ โดยมีจุดผ่านแดนถาวร 2 แห่ง คือ 1.จุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพ 3 (นครพนม-คำมวน) บริเวณบ้านห้อม ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม เป็นเขตติดต่อกับบ้านเวินใต้ เมืองท่าแขก แขวงคำม่วน 2.จุดผ่านแดนถาวร ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว เขตเทศบาลเมืองนครพนม ติดต่อกับเมืองท่าแขก แขวงคำม่วน ปัจจุบันจุดผ่านแดนแห่งนี้ได้ลดระดับจากจุดผ่านแดนถาวร เหลือเพียงจุดผ่อนปรนเท่านั้น
นอกจากนี้ มีจุดผ่อนปรนอีก 4 แห่ง คือ 1.จุดผ่อนปรนบ้านหนาดท่า หมู่ 2 ต.บ้านกลาง อ.เมืองนครพนม เป็นเขตติดต่อกับ บ้านปากเป่ง เมืองท่าแขก 2.จุดผ่อนปรนบ้านโพธิ์ไทร ต.ไผ่ล้อม อ.บ้านแพง เป็นเขตติดต่อกับบ้านท่าสะอาด เมืองปากกระดิ่ง แขวงบอลิคำไซ 3.จุดผ่อนปรนบ้านธาตุพนมสามัคคี หมู่ 2 เขตเทศบาลตำบลธาตุพนม เป็นเขตติดต่อกับบ้านด่าน เมืองหนองบก แขวงคำม่วน และ 4.จุดผ่อนปรนบ้านท่าอุเทน เขตเทศบาลตำบลท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน เป็นเขตติดต่อกับบ้านหินบูน เมืองหินบูน แขวงคำม่วน
ก่อนหน้านี้ ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (ศบค.) ได้ประกาศกำหนดมาตรการใหม่ การเดินทางเข้าประเทศทั้งทางบกและทางอากาศ มีผลวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งจังหวัดนครพนมเป็น 1 ใน 17 จังหวัดที่มีชื่ออยู่การเปิดประเทศด้วย ก็ได้มีความพร้อมในการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ อีกทั้งนายชาธิป รุจนเสรี ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ได้นำคณะกรรมการความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดน ไทย – ลาว จังหวัดนครพนมเดินทางไปประชุม 2 ฝ่าย ระหว่าง จังหวัดนครพนม กับ แขวงคำม่วน ครั้งที่ 12 ร่วมกับ ท่านวันไซ พองสะหวัน เจ้าแขวงคำม่วน ประธานร่วมคณะกรรมการความร่วมมือรักษาความสงบเรียบร้อยตามชายแดน ไทย – ลาว แขวงคำม่วน และคณะกรรมการฯ ฝ่ายสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ณ ห้องประชุม บ้านพักรับรอง เจ้าแขวงคำม่วน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่าน
ข่าวน่าสนใจ:
ซึ่งหลังจากมีประกาศเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2565 เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดนครพนม (ตม.ฯ) สาธารณสุขจังหวัดฯ (สสจ.ฯ) ศุลกากร กรมเจ้าท่า ฯลฯ ก็จัดเจ้าหน้าที่เข้าประจำการ ณ ท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว เขตเทศบาลเมืองนครพนมอย่างคึกคัก แต่ยังคงติดปัญหาที่ยังไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการจาก สปป.ลาว
กระทั่งล่าสุด วันที่ 7 พฤษภาคม 2565 สปป.ลาว ประกาศมาตรการในการเข้า-ออก สปป.ลาว และมาตรการผ่อนผันภายในประเทศ ในช่วงการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
วันที่ 8 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวได้สำรวจความพร้อมด้านการขนส่งผู้โดยสารระหว่างประเทศ พบว่ารถบัสปรับอากาศ (บขส.) จำนวน 4 คันที่จอดอยู่ในปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งแถวท้ายเมือง เทศบาลเมืองนครพนม มีการทำความสะอาดทั้งในและนอกตัวรถ ทราบจากผู้เฝ้าปั๊มว่าคนขับได้เข้ามาตรวจเช็คสภาพเครื่องยนต์ในเบื้องต้นแล้ว แต่ผู้สื่อข่าวได้สังเกตเห็นป้ายวงกลมบริเวณกระจกหน้ารถ พบว่าการต่อทะเบียนรถยนต์หมดอายุไปเมื่อปี 2564 คาดว่าวันจันทร์นี้คงมีการตรวจสภาพรถอย่างถูกต้องและต่อทะเบียนใหม่
ด้านท่าเทียบเรือการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองนครพนม ยกเว้นสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 จุดนี้ถือว่ามีความพร้อมมากที่สุด ปัญหาคือถูกลดระดับจากด่านสากลเหลือเพียงด่านประเพณี หรือด่านท้องถิ่น จึงต้องรอคำสั่งจากเจ้าแขวงคำม่วนอนุมัติ ถ้าเจ้าแขวงฯลงนามเมื่อใดด่านประเพณี (จุดผ่อนปรน) อีก 4 แห่ง ก็ได้รับอานิสงส์ครั้งนี้ไปพร้อมๆกัน
ขณะที่ด่านสากลบริเวณสะพานมิตรภาพไทย-ลาวแห่งที่ 3 (นครพนม-คำม่วน) ยังคงมีรถขนส่งสินค้าระหว่างประเทศยื่นเอกสารในการข้ามแดนอยู่ตลอดเวลา โดยมีเจ้าหน้าที่ ตม. , ศุลกากร เข้าประจำการปฏิบัติหน้าที่ ณ จุดบริการ โดย พ.ต.อ.สมเกียรติ สนใจ ผกก.ตม.นครพนม เปิดเผยว่าทาง ตม.ฯมีความพร้อม 100 % ด้านการดูแลนักท่องเที่ยว และประชาชน ที่จะเดินทางข้ามไปมา แม้ในช่วงปิดด่านพรมแดนจากสถานการณ์โรคโควิดระบาด ตม.นครพนมก็ยังคงให้บริการความช่วยเหลือพี่น้องชาวลาว ที่มีความประสงค์จะเดินทางกลับภูมิลำเนาอยู่เนืองๆ ด้วยการประสานทางการลาวนำรถมารับกลับ ถึงขณะนี้แม้ยังอยู่ในขั้นตอนของเจ้าแขวง ก็สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าปฏิบัติหน้าที่ตามหนังสือที่ประกาศออกมาเรียบร้อยแล้ว
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าว สปป.ลาวรายงานจากห้องว่าการสำนักนายกรัฐมนตรี ขอถือเป็นประกาศแจ้ง การตกลงและชี้นำของรัฐบาลเพื่อทราบและปฏิบัติ ดังนี้
1. มีมติผ่อนผันมาตรการในการเข้า-ออก สปป.ลาว ดังนี้
1.1 เปิดด่านสากลทุกด่าน สำหรับการเข้าออกของพลเมืองลาว คนต่างด้าว คนต่างประเทศและคนไม่มีสัญชาติ
1.2 อนุญาตให้พลเมืองของบรรดาประเทศที่มีสัญญายกเว้นวีซ่ากับ สปป.ลาวแบบสองฝ่ายหรือฝ่ายเดียวสามารถเดินทางเข้า สปป.ลาว โดยไม่จำเป็นต้องขอวีซ่า
1.3 สำหรับพลเมืองของบรรดาประเทศที่ไม่มีสัญญายกเว้นวีซ่า กับ สปป.ลาว ท่านสามารถขอวีซ่าจากสถานทูต สถานกงสุล แห่ง สปป.ลาว ที่ประจำอยู่ต่างประเทศหรือ ผ่านระบบ e-visa หรือขอวีซ่ากับด่านอยู่ด่านสากลที่มีหน่วยงานวีซ่ากับด่าน
1.4 พลเมืองลาว คนต่างด้าว คนต่างประเทศ แล้วคนไม่มีสัญชาติ อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ที่ยังไม่มีหนังสือรับรองการฉีดวัคซีนครบโดส ต้องมีผลตรวจโควิด 19 ด้วยวิธี ATK ภายใน 48 ชั่วโมงก่อนออกจากประเทศต้นทาง เมื่อเดินทางมาถึง สปป.ลาวแล้ว ไม่จำเป็นต้องตรวจตัวอย่างหาเชื้อโควิด-19 อยู่สนามบิน หรืออยู่ด่านชายแดนสากลทางบก หรือทางเรืออีก
ส่วนผู้ที่มีหนังสือยืนยันการฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว สามารถเดินทางเข้ามา สปป.ลาว ได้ปกติ โดยไม่เรียกร้องให้มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 อีก ทั้งจากประเทศต้นทาง แล้วเมื่อเดินทางมาถึง สปป.ลาว
1.5 สำหรับคนต่างประเทศ ที่เดินทางเข้ามา สปป.ลาว กรณีมีการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรักษาด้วยตัวเอง ซึ่งสามารถเข้าใช้การบริการรักษาอยู่โรงพยาบาลของรัฐ โรงพยาบาลเอกชน หรือรักษาตนเองอยู่ ณ สถานที่พัก (Home isolation) ตามที่ได้กำหนดในคำแนะนำของกระทรวงสาธารณสุข
2. มีมติอนุญาตให้ใช้ยานพาหนะประเภทต่างๆ เข้า-ออกสปป.ลาว เหมือนกับช่วงก่อนการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยมอบให้กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง ออกคำแนะนำเกี่ยวกับการนำใช้ยานพาหนะส่วนบุคคล โดยสาร และท่องเที่ยวเข้า-ออก สปป.ลาว ให้สอดคล้องกับสัญญา 2 ฝ่ายและ หลายฝ่าย ที่ สปป.ลาว เป็นภาคี
3. ให้บรรดากระทรวง องค์การเทียบเท่าและองค์การปกครองท้องถิ่นทุกระดับ ตลอดจนผู้ประกอบการธุรกิจต่างๆ เตรียมความพร้อมทุกด้านในการบริการต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยเฉพาะการปรับปรุงสถานที่ท่องเที่ยว โรงแรม ร้านอาหาร การบริการขนส่งและอื่นๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับการบริการและการท่องเที่ยว ให้ได้มาตรการและมีคุณภาพดีกว่าเก่า โดยให้ถือว่าการทำงานบริการและการท่องเที่ยวเป็นความรับผิดชอบส่วนรวมของทุกภาคส่วนในสังคมเพื่อเป็นการฟื้นฟูเศรษฐกิจและปรับปรุงชีวิตการเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้น
4. มีมติให้เปิดสถานบันเทิง และคาราโอเกะ แต่ให้เอาใจใส่ปฏิบัติตามมาตรการป้องกัน covid-19 อย่างเข้มงวด
5. มอบหมายให้คณะเฉพาะกิจป้องกัน ควบคุม และแก้ไขการระบาดของโรคไวรัสโควิด-19 สมทบกับแขนงสาธารณสุข ติดตามเฝ้าระวังการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัส covid-19 สายพันธุ์ใหม่ เพื่อรับประกันให้แก่การป้องกัน ควบคุม ตรวจวิเคราะห์ และการรักษาอย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล พร้อมทั้งการฉีดวัคซีนให้ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
6. มาตรการที่ได้ระบุตั้งแต่ข้อที่ 1-5 ข้างต้น ให้มีผลถือปฏิบัติเริ่มตั้งแต่วันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เป็นต้นไป
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: