นครพนม – วันที่ 27 พ.ย.61 เวลา 11.00 น. นายเฉลา อินทะวงษ์ อายุ 52 ปี ตำแหน่งผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านหมู่ 1 บ้านดอนยานาง ต.นาทราย อ.เมือง จ.นครพนม พร้อมด้วย นางนิตยา ดีดวงพันธ์ อายุ 45 ปี ภรรยา เข้าแจ้งความต่อ ร.ต.อ.ชม ชูรัตน์ พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อดำเนินคดีกับตำรวจจราจร สภ.เมืองนครพนม รหัส 618 กรณีขับรถจักรยานยนต์ไล่จับกุม ด.ช.ธนาวุฒิ อินทะวงษ์ หรือน้องบุ๊ค ลูกชายวัย 14 ปี นักเรียนชั้น ม. 2 โรงเรียนศรีบัวบานวิทยาคม โดยอ้างว่าจราจรนายนั้นถีบ รถ จยย.ลูกชายจนเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ด้านหลังวิทยาลัยเทคนิคนครพนม เหตุเกิดบนถนนทางหลวงชนบท สายบ้านนาสมดี-นาราชควาย เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 19 พ.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งนายเฉลาอ้างว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และไม่ยอมชดใช้ค่าทำศพแม้แต่บาทเดียว ตนจึงมาแจ้งความ ในข้อหากระทำการเกินกว่าเหตุ จนเป็นเหตุทำให้บุตรชายเสียชีวิต พร้อมนำใบมรณบัตรและแผ่นซีดีมอบแก่พนักงานสอบสวนไว้เป็นหลักฐาน
นายเฉลาเผยว่าในวันเกิดเหตุ ตนอยู่ในงานศพของเพื่อนบ้าน มีคนโทรศัพท์ไปบอกว่าลูกชายได้รับอุบัติเหตุ ขณะนี้ถูกพลเมืองดีนำส่งโรงพยาบาลนครพนม เมื่อตนไปถึงลูกชายก็เสียชีวิตแล้ว สภาพขาด้านขวาหัก แพทย์ลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากเนื้อเยื่อในปอดฉีกขาด ทำให้เลือดท่วมปอด โดยมีตำรวจจราจรนายหนึ่ง อ้างกับตนว่าลูกชายขับ จยย.แหกด่านตรวจพยายามจะหลบหนี จึงขับรถ จยย.ไล่จับกุม และเกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ตนยอมรับข้อกล่าวหานี้ไม่ได้ เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ทำเกินกว่าเหตุ จึงมาร้องขอความเป็นธรรมจากผู้เกี่ยวข้องทุกหน่วยงาน
ข่าวน่าสนใจ:
- นนทบุรี หนุ่ม 16 ขับเบนช์ เสียหลักเหินขึ้นไปคาอยู่บนรถ 6 ล้อรอดตายปาฏิหาริย์
- ผู้กำกับ สภ.บางเสาธง เชิญตัวคู่กรณีทั้งสองฝ่ายพูดคุยถึงเหตุการณ์ที่รถชนกันแล้วมีอ้างรู้จักตำรวจ
- ชายวัย 50 ปี เปลี่ยนถังแก๊สเอง จุดเตาทำกับข้าวไฟพรึ่บคลอกเจ็บหนัก
- นครพนม : หมอสงค์ หมอผู้สร้าง เปิดตัวสมัครนายก อบจ.นครพนม พร้อม ส.อบจ.นครพนม
หลังกลายเป็นข่าว มีคำสั่งห้ามตำรวจทุกนายให้รายละเอียดต่อสื่อมวลชน จนกว่าจะได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ต้องสอบสวนหาข้อเท็จจริง แต่มีแหล่งข่าวรายหนึ่งเผยว่า วันเกิดเหตุเป็นวันลอยกระทง เจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วน สนธิกำลังออกระดมกวาดล้างอาชญากรรม ระหว่างวันที่ 17-21 พ.ย.61 โดยมีมาตรการป้องกันปราบปรามอาชญากรรม และอำนวยความสะดวกด้านการจราจร ในช่วงเทศกาลลอยกระทง มีวัตถุประสงค์ให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวในสถานที่ต่างๆ ได้รับความปลอดภัยจากอาชญากรรม และปัญหาจราจร และเพื่อเป็นการสนองนโยบายสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกองบัญชาการตำรวจภูธร ภาค 4
วันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจร สภ.เมืองนครพนม ปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาอย่างเข้มงวด โดยตั้งจุดสกัดบนถนนบายพาสบ้านน้อยหนองเค็ม ใกล้ๆกับห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี ระหว่างนั้น ด.ช.ธนาวุฒิ หรือน้องบุ๊ค ขับรถ จยย.มาโดยไม่สวมหมวกกันน็อก เจ้าหน้าที่จึงเรียกตรวจ น้องบุ๊คชะลอรถหลบลงไหล่ทาง ก่อนที่จะเร่งเครื่องขับหลบหนี เจ้าหน้าที่จึงสันนิษฐานเบื้องต้นว่า อาจจะมีสิ่งผิดกฎหมาย จึงขับรถ จยย.ไล่กวด โดยมีระยะห่างประมาณ 10-12 เมตร น้องบุ๊คหลบหนีเข้าถนนสายบ้านนาสมดี ด้านหลังวิทยาลัยเทคนิคนครพนม เจ้าหน้าที่ขับไล่หลังไปห่างๆ ก่อนที่จะเข้าโค้งเสียหลักพุ่งชนต้นไม้ข้างทาง เจ้าหน้าที่จราจรนายนั้นจึงจอดรถลงไปช่วยเหลือ พร้อมโทรศัพท์เข้าศูนย์วิทยุ 1669 เพื่อขอรถพยาบาลมารับตัว แหล่งข่าวกล่าวต่อว่าไม่มีเจ้าหน้าที่รับสาย จราจรผู้ติดตามจึงวิทยุเข้าศูนย์วิทยุนครชัย เพื่อขอกำลังเจ้าหน้าที่มาช่วย บังเอิญมีรถยนต์พลเมืองดีผ่านมาจึงขอความช่วยเหลือนำส่ง ร.พ.นครพนม ซึ่งมีหลักฐานว่าตำรวจจราจรนายนี้โทรศัพท์แจ้งศูนย์วิทยุ 1669 โดยระบุเวลา และวันที่ ไว้อย่างชัดเจน
ต่อมามีนายสุรเดช มาบัว อายุ 37 ปี และนางปานเงิน บัวลิ อายุ 29 ปี บ้านเลขที่ 9/1 หมู่ 8 บ้านเนินสะอาด ต.นาราชควาย อ.เมือง จ.นครพนม สองสามีภรรยาซึ่งเป็นพลเมืองดีที่ช่วยเหลือน้องบุ๊คส่งโรงพยาบาล และเป็นบุคคลที่ถ่ายคลิปดังกล่าวได้ เข้ามาพบกับพนักงานสอบสวน เพื่อให้รายละเอียด โดยเผยว่าตนมีอาชีพรับเหมา ต่อเติม ต้องใช้ถนนสายนี้สัญจรไปมาเป็นประจำ ตลอดเวลามักเกิดอุบัติเหตุสม่ำเสมอ วันเกิดเหตุตนขับรถยนต์โตโยต้า ตอนเดียว สีเทา ทะเบียน บท 3611 นครพนม มาตามปกติ ก่อนจะพูดหยอกล้อกับภรรยาว่า ถนนเส้นนี้มีอุบัติเหตุบ่อยลองถ่ายคลิปเก็บไว้เล่นๆ ภรรยาจึงเปิดโทรศัพท์ถ่ายคลิปตามที่ตนบอก ขณะนั้นเองเห็นรถ จยย. ขับแซงรถยนต์ตนไปอย่างรวดเร็ว พร้อมมีรถ จยย.ตำรวจไล่ตามหลัง ห่างกันประมาณ 10-11 เมตร จังหวะที่รถทั้งสองวิ่งขึ้นเนิน ตนจึงไม่เห็นเหตุการณ์ข้างหน้า แต่พอลงจากเนินพบรถ จยย.ล้มคว่ำอยู่ข้างทางแสดงว่าเพิ่งลงเพราะยังมีฝุ่นตลบอยู่ และมีตำรวจจราจรกำลังเข้าไปช่วยเหลือ พร้อมโบกให้รถตนจอดก่อนจะนำร่างอันไร้สติส่งโรงพยาบาล และทราบภายหลังว่าเด็กคนนั้นเสียชีวิตแล้ว ตนพร้อมกับภรรยาจึงมาให้ปากคำในฐานะพยาน เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเห็นตำรวจราจรใช้เท้าถีบรถของผู้ตายไหม นายสุรเดชกล่าว่าไม่น่าเป็นไปได้เพราะระยะห่างเป็น 10 เมตร และต้องเข้าใจด้วยว่าถนนสายนี้เพิ่งลาดยางปรับปรุงใหม่ ไหล่ทางจึงเป็นทางต่างระดับ “ไม่กี่วันรถส่งน้ำโรงงานแห่งหนึ่งก็แหกโค้งตรงนี้มาแล้ว”นายสุรเดชกล่าว
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: