X

แม่ร่ำไห้เรียกวิญญาณลูกชายถูกฆ่าถ่วงน้ำโขง

“บักหล่ากลับบ้านเฮาเด้อ” แม่ร่ำไห้เรียกวิญญาณลูกชายถูกฆ่าถ่วงน้ำโขง

กรณีมีผู้พบศพชายลายสักถูกพันธนาการ มัดมือเท้าไพล่หลังมีผ้าอุดปากโยนร่างถ่วงน้ำอำพราง ก่อนศพโผล่ลอยอืดริมฝั่งโขง บ้านโคกไก่เซา หมู่ 6 ต.ท่าค้อ อ.เมือง จ.นครพนม ช่วงเย็นวันที่ 22 พ.ค.65 ที่ผ่านมา โดยไม่พบเอกสารระบุผู้ตายเป็นใคร  จากนั้นชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 4 ก็ได้ลงพื้นที่จนทราบข้อมูลเบื้องต้นว่า ผู้ตายอาจจะเป็นอดีตผู้ต้องโทษเกี่ยวกับคดียาเสพติด เพิ่งพ้นโทษออกมาเมื่อปี 2564 จากเรือนจำจังหวัดบึงกาฬ โดยมีเมียเป็นชาว อ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ ชุดสืบสวนจึงติดต่อไปยังหญิงที่เป็นภรรยา ก็ได้รับรับคำยืนยันเป็นวาจาว่าลักษณะผู้ตายน่าจะเป็นนายกิ่งไผ่ (สงวนนามสกุล) อายุ 35 ปี ซึ่งออกจากบ้านข้ามฝั่งแม่น้ำโขงไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยใช้ช่องทางธรรมชาติเขต อ.บึงโขงหลง จ.บึงกาฬ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.ที่ผ่านมา ก่อนที่ภรรยาจะโทรไปหานางบุญหลาย (สงวนนามสกุล) อายุ 65 ปี ผู้เป็นแม่ของนายกิ่งไผ่ที่ จ.ร้อยเอ็ด ให้ประสานพนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครพนม เพื่อขอรับศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี ส่วนตัวเองอ้างว่าไม่สะดวกที่จะมาด้วย ตามที่เสนอข่าวไปแล้ว

ด้านนางบุญหลายผู้เป็นแม่ หลังรับโทรศัพท์จากลูกสะใภ้ก็ชักชวนญาติ รีบเดินทางเข้าพบ ร.ต.อ.หญิง จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ รอง สว.สอบสวน สภ.เมืองนครพนม เจ้าของคดี พร้อมยืนยันจากการเห็นภาพศพว่าเป็นลูกชายคือนายกิ่งไผ่ โดยก่อนถูกฆ่าตนไปแจ้งความคนหายไว้ที่ สภ.ศรีวิไล จ.บึงกาฬ  ภายหลังมีโทรศัพท์ลึกลับเรียกค่าไถ่ 1.5 ล้านบาท และได้ต่อรองลงมาเหลือ 800,000 บาท  แต่ทางครอบครัวก็ยังหาเงินไปไถ่ตัวนายกิ่งไผ่ไม่ได้ จนวันที่ 22 พ.ค.ลูกสะใภ้แจ้งให้ทราบว่าพบศพนายกิ่งไผ่แล้วที่ จ.นครพนม ส่วนปมสังหารโหดทางครอบครัวไม่ทราบ เพราะไม่ได้เจอหน้าลูกชายมานานถึง 7 ปี

โดยหลังจากนางบุญหลายได้ให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนแล้ว ก่อนพลบค่ำวันเดียวกัน ได้พร้อมกับญาติเดินทางไปยังจุดที่พบศพมีนายอาคม อินทรพรหม ผู้ใหญ่บ้าน บ้านโคกไก่เซา หมู่ 6 ต.ท่าค้อ เป็นธุระนิมนต์พระสงฆ์ในพื้นที่  และนายบุญยอปราชญ์ชาวบ้านวัย 85 ปี ทำหน้าที่พราหมณ์ทำพิธีช้อนขวัญ หรือเรียกวิญญาณผู้ตายให้กลับบ้าน ตามความเชื่อชาวอีสาน

นายบุญยอพราหมณ์แต่งขันธ์ห้าจุดธูป 36 ดอก นำกระบุงภายในมีไข่ต้ม 1 ฟอง ดอกพุทธรักษา 1 คู่ ข้าวเหนียว 1 ปั้นใหญ่  มาช้อนขวัญและวิญญาณผู้ตายจุดที่ชันสูตร เพื่อเปิดทางให้วิญญาณกลับสู่ภูมิลำเนา  พราหมณ์ได้เขย่ากระบุงวน 3 รอบ  ก่อนจะนำสิ่งของดังกล่าวเทใส่ผ้าขาวม้าที่เตรียมไว้ มัดยื่นให้นางบุญหลายผู้เป็นแม่ได้ถืออุ้มไว้ ขณะทำพิธีพระได้สวดคาถากำกับไปพร้อมๆกัน

นางบุญหลายโผเข้ากอดญาติร่ำไห้ กล่าวว่าคนตายเป็นลูกคนที่ 3 เห็นภาพถ่ายกับตำรวจสะเทือนมาก คาดว่าคนร้ายล่อลวงลูกชายข้ามฝั่งไปเพื่อจับกุมตัว ก่อนจะโทรมาบอกภรรยาให้นำเงินค่าไถ่ 1.5 ล้านบาท และต่อรองเหลือ 8 แสน แม่บอกว่าไม่มีเงินหรอก คนร้ายบอกหากไม่นำเงินมาไถ่ก็จะพบลูกชายเป็นศพ ตอนนั้นรู้สึกใจหายไม่เคยได้ยินแบบนี้ กระทั่งวันที่ 22 พ.ค.ช่วงดึกเมียลูกชายโทรมาบอกว่าพบเป็นศพแล้ว

โดยขณะทำพิธีนางบุญหลายตะโกนร้องเรียกลูกชายทั้งน้ำตาว่า “บักหล่ากลับบ้านเฮาเด้อลูกเอ้ย”  และถึงตอนนี้ยังทำใจไม่ได้ “คนที่ฆ่าลูกทำไมถึงใจดำแท้ ไม่ขอสาปแช่งแต่ให้คนที่ฆ่ารับกรรมที่เขากระทำ  คนที่ทำถ้าเป็นมนุษย์ด้วยกันก็คิดว่าเป็นมนุษย์ที่โหดมาก คิดว่าทำแบบนี้ดีแล้ว ให้เขาทำต่อไป” ซึ่งนางบุญหลายร้องไห้สะอึกสะอื้นนานกว่า 10 นาที ญาติจึงเข้าปลอบประโลม จากนั้นนางบุญหลาย ได้เดินทางไปโอบกอด ร.ต.อ.หญิง จุฬารัตน์ อาจภิรมย์ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่อำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเป็นอย่างดี พร้อมเดินทางกลับ อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด โดยในวันที่ 25 พ.ค.หลังจากผ่าชันสูตรเสร็จ จะเดินทางไปรับศพลูกชายที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่น จะได้นำร่างมาประกอบพิธีตามศาสนาต่อไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน