หมออลงกตเผยเหตุลาออกจากรองนายก อบจ.นครพนม พร้อมสู้ศึกส.ส. ชนเพื่อไทยเขต 3 เดิมพันด้วยศักดิ์ศรีลั่นแพ้ครั้งนี้ขอยุติบทบาททางการเมือง
วันที่ 28 พฤษภาคม 2565 ผู้สื่อข่าวประจำจังหวัดนครพนมรายงาน ว่า กลายเป็นกระแสทางการเมืองขึ้นมาทันที หลังนายแพทย์ อลงกต มณีกาศ รองนายก อบจ.นครพนม อดีต ส.ส.นครพนม เขต 2 พรรคเพื่อแผ่นดิน เมื่อปี 2549 เจ้าของฉายาหมอขวัญใจคนยาก เนื่องจากเคยรับราชการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลปลาปาก จ.นครพนม ก่อนเบนเข็มมาสู่เส้นทางการเมือง ต่อมาปี 2554 ได้สมัครเป็นผู้แทนราษฎรอีกครั้งในนามพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน แต่แพ้คู่แข่งแบบฉิวเฉียด ภายหลังปี 2562 ได้ย้ายมาสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เขต 3 นครพนม ก็แพ้แชมป์เก่าเจ้าของพื้นที่เดิม
กระทั่งได้หันไปร่วมฟอร์มทีมผู้บริหารนายก อบจ.นครพนม กับ นางสาวศุภพานี โพธิ์สุ หรือน้องขวัญ ลูกสาวนายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เขต 1 พรรคภูมิใจไทย และสามารถล้มแชมป์ ดร.สมชอบ นิติพจน์ โดยมี นายชูกัน กุลวงษา อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย เขต 4 (อ.ปลาปาก อ.วังยาง อ.นาแก และ อ.เมืองฯบางส่วน) ที่ย้ายไปสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เขต 4 นครพนม แต่สอบตกเช่นเดียวกัน จึงหันมาสนับสนุนน้องขวัญเป็นนายก อบจ.ฯ โดยทั้งคู่นั่งตำแหน่งรองนายก อบจ.นครพนม ถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองนครพนม ที่มีผู้บริหารรองนายก อบจ. เป็นอดีต ส.ส.ถึง 2 คน
ข่าวน่าสนใจ:
ล่าสุด นพ.อลงกต มณีกาศ รองนายก อบจ.นครพนม ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่ง เพื่อเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้า สังกัดพรรคภูมิใจไทย เขต 3 (อ.ธาตุพนม,อ.เรณูนคร และ อ.เมืองฯบางส่วน) จึงกลายเป็นที่จับตามองของแวดวงการเมือง และประชาชนในพื้นที่ เนื่องจากถือว่าลาออกกลางคัน ทั้งที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งได้เพียงปีเศษ
ทั้งนี้ นพ. อลงกต มณีกาศ ได้ออกมาเปิดใจว่า กรณีการประกาศลาออกจาก ตำแหน่งรองนายก อบจ.ฯครั้งนี้ จะมีผลในวันที่ 1 มิถุนายน 2565 เป็นการตัดสินใจเพื่อเตรียมความพร้อม ในการลงสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส.สมัยหน้า ในนามพรรคภูมิใจไทย เขตเลือกตั้งที่ 3 นครพนม เพราะหากไม่เกิดอุบัติเหตุทางการเมือง เชื่อมั่นว่า ไม่ช้าหรือเร็วจะต้องมีการเลือกตั้ง ส.ส.แน่นอน และเหลือเวลาไม่ถึง 1 ปี ก็ครบวาระในเดือนมีนาคม 2566 “การอยู่ในตำแหน่งรอง นายก อบจ.นครพนม ถือเป็นการเอาเปรียบคู่ต่อสู้ ผมจึงตัดข้อครหา ว่า ใช้เวลาราชการหรือใช้ตำแหน่งหน้าที่ของ อบจ.นครพนม เป็นฐานในการหาเสียง เพื่อก้าวสู่ ส.ส. ส่วนตัวถือว่าไม่มีสปิริตพอ และถือว่าไม่เหมาะสม เพราะผมกับผู้บริหารเชื่อมั่นว่า เพียงพอแล้วที่สนับสนุนเป็นพี่เลี้ยงให้ นายก อบจ.นครพนม หรือน้องขวัญ ท่านทำงานพัฒนาท้องถิ่นได้โดยไม่ต้องอาศัยพี่เลี้ยง รวมถึงเป็นการแสดงความจริงใจต่อประชาชน ประกาศจุดยืนที่จะสู้ศึกเลือกตั้ง ส.ส. ในสมัยหน้าที่จะมาถึง”
ส่วนเรื่องโครงการ นโยบายต่างๆ ที่วางไว้ ขอให้ประชาชน มั่นใจ เพราะมีการวางระบบไว้เป็นอย่างดี อาทิ เรื่องของการถ่ายโอนโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล(รพ.สต.) ขึ้นสังกัด อบจ. คาดว่าจะสามารถนำร่องดำเนินการได้ในอีกไม่นาน ตาม พ.รบ.กระจายอำนาจ โดยมีการตั้งกองสาธารณสุขเป็นคนดูแล ส่วนโครงการก่อตั้งโรงพยาบาล อบจ.ยังมีปัญหาเรื่องพื้นที่ก่อสร้าง ดังนั้นจะเป็นการลงนามความร่วมมือกับคณะแพทย์ศาสตร์ของ มหาวิทยาลัยนครพนม โดยมี อบจ.นครพนม ร่วมสนับสนุน เชื่อว่าจะเกิดประโยชน์กับประชาชนในพื้นที่ จ.นครพนม อย่างแน่นอน
หมออลงกตกล่าวอีกว่า สำหรับการวางตำแหน่งแทนตนนั้น ขึ้นอยู่กับผู้บริหาร ของ อบจ.นครพนม และในส่วนของท่านรองชูกัน กุลวงษา ต้องรอดูทิศทางต่อไป ไม่สามารถตอบแทนได้ โดยการเลือกตั้ง ส.ส. เมื่อปี 2562 ที่ผ่านมา ตนลงสมัครในสังกัดพรรคพลังประชารัฐ เขต 3 นครพนม ต้องยอมรับว่าการแพ้เลือกตั้งครั้งนั้น เป็นการกาบัตรใบเดียวทั้งคนทั้งพรรค ทำให้ผู้สมัครที่มีผลงานใกล้ชิดกับชาวบ้านขาดโอกาส เพราะบางทีประชาชนชอบคนไม่ชอบพรรค แต่การเลือกตั้งครั้งนี้ เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อผู้สมัคร ส.ส.เขต หลังมีการแก้ไชรัฐธรรมนูญ ให้มีการเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบเลือกคน เลือกพรรค ทำให้ประชาชน มีสิทธิ์เลือกพรรคที่ชอบเลือกคนที่ใช่ ทั้งนี้ตนมั่นใจในการดูแลทำงานเพื่อประชาชน ใกล้ชิดประชาชน ด้วยความจริงใจมาตลอด โดยไม่มีความกังวลว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะแบบแลนด์สไลด์ทั้งประเทศ เพราะหากมีการแลนด์สไลด์ มีปัญหาตามมาคือได้ ส.ส.นกแล ที่มาจากกระแสพรรค ไม่ใช่คนที่ทำงานเพื่อประชาชนแท้จริง อย่างไรก็ตามตลอดเวลาที่ผ่านมา ถึงแม้สอบตกตนยังทำงานลงพื้นที่ดูแลทุกข์สุขกับประชาชน ต่อเนื่อง จึงเชื่อมั่นว่าการเลือกตั้ง ส.ส.ที่จะมาถึง มั่นใจจะชนะการเลือกตั้ง ไม่กังวลกระแสเพื่อไทย เพราะตนไม่อิงพรรค ถึงแม้จะอยู่กับพรรคภูมิใจไทย แต่ตนใช้คะแนนนิยมส่วนตัวเป็นหลัก ยอมรับทุกพรรคมีนโยบายดี แต่สำคัญที่สุดคือคะแนนนิยมส่วนตัว เพียงต้องสังกัดพรรคตามรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ มาถึงวันนี้ตนมั่นใจว่าจะชนะการเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ 3 อย่างแน่นอน และหากภูมิใจไทยได้ยกทีมทั้ง 4 เขต นครพนม จะมีตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการแน่นอน แต่หากตนพ่ายการเลือกตั้งครั้งนี้ขอประกาศจุดยืนจะขอเลิกเล่นการเมืองตลอดชีวิต
ถูกใจข่าวนี้ไหม?
คลิกที่ดาวเพื่อโหวต
ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต: