X

“ชวลิต” สยบข่าวลือย้ายพรรค ขอยืนข้างประชาธิปไตยไม่ทรยศประชาชน

“ชวลิต” สยบข่าวลือย้ายพรรค ขอยืนข้างประชาธิปไตยไม่ทรยศประชาชน ชี้นักการเมืองเลือกข้างเผด็จการสุดท้ายไปไม่รอด 

วันที่ 2 มิถุนายน 2565 นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม เขต 4 พรรคเพื่อไทย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในสถานการณ์การเมืองปัจจุบันจากภาพรวมของประเทศ ในฐานะที่อยู่บนเส้นทางการเมืองทำงานการเมืองมาตั้งแต่ปี 2544 ล้มลุกคลุกคลานเพราะถูกรัฐประหารถึง 2 ครั้ง คือเมื่อปี 2549 กับปี 2557 และยุบพรรคอีก 2 ครั้ง ตนมีความชัดเจนมาตลอดว่า ตราบใดที่ประเทศชาติไม่มีประชาธิปไตย หรือมีประชาธิปไตยไม่เต็มใบ ทำให้พี่น้องประชาชนยากจน ไม่มีทางแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้สำเร็จ

ที่ผ่านมาจะเห็นว่าพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย พยายามสร้างระบอบประชาธิปไตยมาตลอด ขอแก้ไขรัฐธรรมนูญแต่ไม่สำเร็จ และต้องพยายามต่อไป เพราะสิ่งสำคัญเมื่อเกิดประชาธิปไตยเต็มใบแล้ว จะมีการกระจายอำนาจ เห็นได้จากปัจจุบันอำนาจอยู่ส่วนกลางทั้งหมด พี่น้องประชาชนลำบากยากจน หนี้ครัวเรือนเยอะ หนี้ประเทศเยอะ ยากที่จะแก้ไขปัญหาประเทศชาติบ้านเมือง

ดังนั้นสิ่งที่ตนยืนหยัดมาตลอดควบคู่กับประชาชนชาวนครพนม จะต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย จะต้องผลักดันไม่ท้อถอย โดยทิศทางการเมืองของตน ยืนยันว่ายังอยู่เคียงข้างประชาธิปไตยตลอดไป ซึ่งยังไม่ขอพูดเรื่องการย้ายสังกัดพรรคการเมือง เพราะสำคัญที่สุดต้องต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยเป็นหลัก หรือต้องเป็นหลักให้รุ่นหลังที่จะมาสานต่อการเมือง ขอให้พี่น้องประชาชน สบายใจว่าตนยังอยู่ข้างประชาธิปไตย

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม กล่าวอีกว่า ที่สำคัญตนเชื่อมั่นเสมอว่า ตลอดเส้นทางการเมืองที่ผ่านมา ใครทรยศประชาชน ไม่เลือกอยู่ข้างประชาธิปไตย หรือย้ายฝั่งไปอยู่ขั้วเผด็จการ สุดท้ายอยู่ได้ไม่นาน ประชาชนจะเป็นคนตัดสินไม่ยอมรับในที่สุด ไม่ว่าจะใช้อำนาจบารมี ใช้เงินมากขนาดไหน สุดท้ายไปไม่รอด เพราะไม่มีความยั่งยืน ไม่เกิดการพัฒนา เนื่องจากประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ยั่งยืน ทำให้ประชาชนมีอยู่มีกิน เมื่อถึงเวลาการเลือกตั้งประชาชนสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเอาแค่ความสุขเฉพาะหน้า หรือจะมีความหวังข้างหน้า คิดว่าชาวบ้านรู้แนวทางการตัดสินใจ

ส่วนทิศทางการเมืองปัจจุบันของรัฐบาลชุดนี้ ตนเชื่อมั่นว่าจะต้องต่อสู้ไปจนกว่าจะครบเทอม เพราะอุตส่าห์ทำรัฐประหารมาขนาดนี้ ก็ต้องวางกลไกลไว้ ทั้งมี สว. 250 เสียงที่โหวตนายกรัฐมนตรี หากไม่หักหลังกันเอง ทะเลาะกันเอง คาดว่าคงอยู่ครบวาระ อย่างไรก็ตามเป็นเรื่องของรัฐบาล แต่ถ้าหมดวาระเร็วเท่าไหร่เชื่อว่าเป็นเรื่องดีกับประชาชน ที่จะเกิดการพัฒนา และจะได้มาซึ่งระบอบประชาธิปไตย โดยตนจะขอต่อสู้ยืนหยัดข้างประชาชนตลอดไป

 

ถูกใจข่าวนี้ไหม?

คลิกที่ดาวเพื่อโหวต

ความนิยมข่าวนี้ / 5. จำนวนโหวต:

ติดตามข่าวสารผ่าน Line 77 ข่าวเด็ด กดปุ่มเพิ่มเพื่อนเลย

เพิ่มเพื่อน